ต้องช่างสังเกต ในการปฏิบัติ งานนักสืบ นั้น บ่อยครั้งที่นักสืบจะต้องไปทำงานในสถานที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน หรือต้องติดตามสะกดรอยเป้าหมายที่นักสืบไม่เคยพบตัวจริงมาก่อน เห็นภาพแต่ในรูปถ่าย ซึ่งคนบางคนดูในรูปถ่ายแล้วไม่ค่อยเหมือนกับตัวจริง และที่หนักที่สุดคือเป้าหมายนั้นบุคคลที่มีหมายจับ หรือหลบหนีการจับกุม ภาพถ่ายเป้าหมายที่นักสืบได้รับมานั้นไม่เป็นปัจจุบัน และเป้าหมายอาจมีการพรางตัวด้วยการปรับเปลี่ยนบุคลิก ทรงผม ลักษณะการแต่งกาย รูปร่าง และอาจมีการทำศัลยกรรมใบหน้า
หรืออาจมีการใช้เอกสารปลอมด้วย (เช่น บัตรประจำตัวประชาชนปลอม หรือบางครั้งมีการใช้บัตรประจำตัวประชาชนจริงแต่เป็นของคนอื่น ด้วยการอ้างว่าตนเป็นบุคคลนั้น) นักสืบจึงต้องใช้ทักษะในการสังเกตจดจำลักษณะ โดยรวมของเป้าหมาย เช่น ท่าทางการเดิน สำเนียงการพูด หรือลักษณะพิเศษเฉาะตัวของเป้าหมาย เพราะบางทีนักสืบสามารถติดตามตัวเป้าหมายพบแล้ว แต่เป้าหมายกลับอ้างว่าเป็นบุคคลอื่น ซึ่งนักสืบจะต้องหาวิธีพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าบุคคลนั้นกับเป้าหมาย เป็นบุคคลคนเดียวกันจริง เช่น การตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือ
แต่ที่ง่ายที่สุดคือการพิสูจน์จากบุคคลใกล้ชิด หรือญาติพี่น้องของเป้าหมายนั่นเอง ซึ่งวิธีการเหล่านี้จะได้ผลก็ต้องใช้ไหวพริบปฏิภาณ ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของนักสืบแต่ละคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสอนกันได้ แต่ถ้านักสืบคนไหนที่ผ่านงานสืบสวนด้านนี้มามากจะได้เปรียบนักสืบที่มี ประสบการณ์น้อย จะเห็นได้ว่าการเป็นคนช่างสังเกตจดจำ และไหวพริบปฏิภาณที่ดีของนักสืบ จะช่วยทำให้นักสืบสามารถปฏิบัติงานได้ประสบผลสำเร็จ
การแสวงหาความรู้ในงานนักสืบ นักสืบที่ดีต้องมีการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ
ต้องมีการศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ ด้วยสภาพเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม วิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป ตลอดจนความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี่ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้นักสืบจะต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ เพราะเทคนิค วิธีการ สืบสวนและเทคโนโลยี่ที่ใช้ในการสืบสวนแบบเดิมๆ ที่เคยใช้ได้ผลเป็นอย่างดีในอดีตอาจจะใช้ไม่ได้ผลกับสถานการณ์ในปัจจุบัน นักสืบจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีคิด เทคนิคและวิธีการในการสืบสวนใหม่อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการสืบสวน
นักสืบจะต้องรู้จักศึกษาหาอุปกรณ์ช่วยในการสืบสวนใหม่ๆ ที่ออกมาช่วยในการสืบสวนด้วย เช่น นักสืบในสมัยก่อน จะรู้จักแต่การเฝ้าจุด การซุ่มโป่ง ไม่รู้ภาษาอังกฤษ ไม่มีความรู้ในการใช้งานคอมพิวเตอร์ ไม่รู้จักอินเตอร์เนต ไม่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยช่วยในการสืบสวน ไม่มีความรู้ในการทำธุรกรรมด้านการเงิน ไม่รู้จักใช้ประโยชน์จากการสื่อสาร ถามว่านักสืบรุ่นเก่าเหล่านี้สามารถทำงานสืบสวนให้บรรลุเป้าหมายได้หรือไม่ คำตอบคือได้ (ถ้าเป็นยุคสมัยนั้น) แต่ไม่เหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งสังคมมีความสับสนวุ่นวายกว่าในอดีตมาก
ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตด้วยความเร่งรีบ ไม่ค่อยมีใครมีเวลามาสนใจใคร นักสืบจึงต้องการความรู้และวิทยาการใหม่ๆ มาใช้เพื่อประโยชน์ในงานสืบสวนด้วย นอกจากนี้นักสืบยังต้องศึกษาหาความรู้จากประสบการณ์ทำงานของนักสืบคนอื่น ด้วย เพราะนักสืบแต่ละคนมีประสบการณ์ทำงานที่ไม่เหมือนกัน มีเทคนิควิธีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน นักสืบบางคนมีวิธีการทำงานในแบบที่เราคาดไม่ถึง แต่เราสามารถนำมาเป็นแบบอย่างในการทำงานบางเรื่องได้ และที่สำคัญการเรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่นย่อมดีกว่าการเรียนรู้จาก การผิดพลาดของตัวเอง เพราะในงานของนักสืบนั้น งานบางอย่างไม่อนุญาตให้ผิดพลาด ถ้าผิดพลาดอาจหมายถึงอันตรายแก่ตัวนักสืบและทีมงานได้ นักสืบจึงไม่สามารถที่จะหยุดการศึกษาหาความรู้ได้เลย
การวางแผนปฏิบัติการในงานนักสืบ นักสืบต้องเป็นนักวางแผนที่ดี
ต้องมีการวางแผนการทำงานที่ดี ในการทำงานของนักสืบนั้นก่อนที่จะเริ่มลงมือปฏิบัติภารกิจอะไร ต้องมีการประชุมวางแผนการทำงานก่อนทุกครั้งเสมอ โดยก่อนการประชุมจะต้องมีการหาข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย และสถานที่ที่ต้องไปทำงานให้ได้มากที่สุด ต้องมีการแจ้งให้นักสืบในทีมแต่ละคนทราบว่า ใครมีหน้าที่ทำอะไร อย่างไร ที่ไหน เมื่อไร
และถ้าทำตามแผนการดังกล่าวแล้วเกิดความผิดพลาด มีแผนสำรองหรือไม่จะให้ปฏิบัติอย่างไรต่อไป เช่น นักสืบได้รับการว่าจ้างให้สะกดรอยติดตามเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของเป้าหมาย นักสืบก็จะต้องหาข้อมูลของเป้าหมายที่จะติดตามให้ได้มากที่สุด เช่น มีภาพถ่ายเป้าหมายหรือไม่(ถ้าจะให้ดีให้ผู้ว่าจ้างพาไปแอบดูตัวเป้าหมายก่อน ทำงาน ในกรณีที่ภาพถ่ายกับตัวจริงแตกต่างกันมาก) เป้าหมายมีกิจวัตรประจำวันอย่างไร ใช้ยานพาหนะอะไร เส้นทางที่ใช้เป็นประจำ ใช้ทางด่วนหรือไม่ เพื่อนำมาประกอบในการวางแผนการทำงานของนักสืบ เช่น จะใช้คนติดตามกี่คน ใช้รถยนต์อะไรบ้าง หรือในระหว่างที่ตามเป้าหมายไปถ้าผิดพลาด หลงกับเป้าหมาย จะต้องไปดักรอเป้าหมายที่ไหน ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานี้จะช่วยให้การสืบสวนของนักสืบง่ายขึ้น มีโอกาสในการประสพผลสำเร็จสูงมากขึ้นด้วย
ขั้นตอนการปฏิบัติงานนักสืบ นักสืบควรมีลำดับขั้นตอนในการทำงาน
ต้องมีการเรียงลำดับขั้นตอนการทำงาน เมื่อนักสืบรับงานมาจากผู้ว่าจ้างแล้วควรศึกษารายละเอียดของงานนั้นให้ดี แล้วมีการกำหนดลำดับขั้นตอนในการทำงาน เพื่อจะได้ไม่เกิดความสับสน และควรเริ่มต้นสืบจากวิธีการที่ง่ายก่อน ถ้ายังไม่บรรลุผลสำเร็จ แล้วจึงค่อยทำตามวิธีการที่ยากขึ้นไปอีก เป็นลำดับไปเช่นนี้ เพราะบางครั้งวิธีการสืบสวนที่ง่ายก็สามารถนำความสำเร็จมาสู่งานนั้นๆ ได้ ซึ่งทำให้สามารถประหยัดได้ทั้งทรัพยากรและระยะเวลาที่ใช้ในการสืบสวน เพราะบางครั้งวิธีการสืบสวนที่ยากๆ ก็ไม่สามารถทำให้งานประสบผลสำเร็จได้ นักสืบที่เริ่มทำตามวิธีที่ยากก่อนแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ ก็อาจเกิดความท้อถอย จนไม่ได้ลองใช้วิธีการที่ง่ายกว่า จึงทำให้งานไม่ประสบความสำเร็จได้
สุขภาพร่างกายกับงานนักสืบ นักสืบต้องมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
ต้องมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ตามปกติแล้วชีวิตการงานของนักสืบจะไม่ค่อยเหมือนชีวิตคนปกติทั่วไป ที่ตื่นเช้ามาเดินทางออกจากบ้านพักเพื่อไปทำงาน หลังจากนั้นตอนเย็นเลิกงานเดินทางกลับมาพักผ่อนที่บ้าน แต่งานของนักสืบเป้นงานที่ไม่มีเวลาตายตัว บางครั้งต้องทำงานติดต่อกันทั้งกลางวันและกลางคืน และอาจต้องเดินทางไกลเป็นประจำ ทำให้เวลาพักผ่อนน้อยไม่เหมือนคนปกติทั่วไป ดังนั้นนักสืบจึงต้องควรระมัดระวังในการรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่ เสมอ ไม่ปล่อยให้ร่างกายเสื่อมสภาพไปเรื่อยๆ
ตามกาลเวลา เพราะนักสืบที่มีปัญหาด้านสุขภาพนั้น จะมีปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่เป็นนักสืบภาคสนาม ทำให้ทำงานได้ไม่เต็มความสามารถอันเป็นผลมาจากปัญหาด้านสุขภาพนั่นเอง งานที่ได้รับมอบหมายก็มีโอกาสไม่ประสบความสำเร็จสูงด้วย นักสืบจึงต้องมีร่างกายที่แข็งแรง สามารถที่จะปฏิบัติภารกิจได้ตลอดเวลา จึงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นักสืบต้องหมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยในงานสืบสวนให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้อยู่เสมอ
ทุกคนย่อมต้องมีเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ช่วยในงานสืบสวนอยู่แล้ว คงจะไม่มีนักสืบคนใดทำงานประสบความสำเร็จได้โดยปราศจาก เครื่องมือ หรืออุปกรณ์เหล่านี้ ดังนั้นการตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ หรือแม้แต่ยานพาหนะให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งานได้เสมอจึงเป็นเรื่องที่ สำคัญอย่างมาก และควรมีการฝึกฝนเรียนรู้วิธีการใช้อุปกรณ์เหล่านั้นให้ละเอียดรอบคอบ
สามารถที่จะใช้อุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง คล่องแคล่วว่องไว เพราะในสถานการณ์จริงบางทีนักสืบมีเวลาเพียงน้อยนิดในการเก็บรวมรวมพยานหลัก ฐานนั้นๆ ถ้าอุปกรณ์เครื่องใช้ไม่อยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งาน หรือนักสืบไม่มีความรู้ความชำนาญในการใช้เครื่องมือเหล่านั้น อาจทำให้นักสืบพลาดโอกาสสำคัญในการเก็บพยานหลักฐานนั้นไปเลยก็ได้ เพราะโอกาสดีๆ อาจมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีโอกาสแก้ตัวอีก นักสืบจึงต้องให้ความสำคัญกับอุปกรณ์เหล่านี้ด้วย เพราะเหตุเล็กๆน้อยๆ เหล่านี้อาจเป็นสาเหตุทำให้ภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาของนักสืบล้มเหลวได้
คุณค่าของนักสืบ
มีคุณค่าในตัวเอง อาชีพของนักสืบ ก็เหมือนกับอาชีพของผู้ชำนาญการของแต่ละวิชาชีพ คือเมื่อนักสืบมีประสบการณ์ทำงานที่มากขึ้น ก็จะมีความสามารถมากขึ้นตามไปด้วย ยิ่งถ้านักสืบคนใดเคยผ่านงานที่หลากหลายและเป็นงานที่สลับซับซ้อนด้วยแล้ว ก็ถือว่าเป็นผู้ชำนาญด้านงานสืบสวน เพราะประสบการณ์บางอย่างเป็นสิ่งที่นักสืบสั่งสอนหรือถ่ายทอดต่อให้นักสืบ รุ่นหลังไม่ได้ แต่จะต้องเกิดจากทักษะการทำงานด้วยตัวเองของนักสืบ ดังนั้นนักสืบที่ดีจะต้องทำงานให้มาก ซึ่งจะช่วยฝึกทักษะการเป็นนักสืบที่มีความรู้ความสามารถมากขึ้นได้
งานของนักสืบคืออะไร
คือการแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อให้ในการพิสูจน์สุมมุติฐานในเรื่องนั้นว่าจริง หรือไม่ ถ้าจะพูดง่ายๆ ก็คือการค้นหาความลับที่มีผู้ต้องการปกปิด ซ่อนเร้นไว้ว่ามันคืออะไรนั่นเอง ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้ว อาชีพนักสืบถือว่าเป็นอาชีพที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่ว่านักสืบในยุคสมัยใด ก็ล้วนแต่มีจุดมุ่งหมายอย่างเดียวกัน นั่นคือการพิสูจน์หาความจริงนั่นเอง โดยการใช้ทักษะ เทคนิค ความสามารถเฉพาะตัวของนักสืบ ในการทำให้ความจริงปรากฏขึ้น ซึ่งในสมัยก่อนจะเน้นไปที่การสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดกำหมายมาลงโทษ แต่ในปัจจุบันเมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไป มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ในภาคธุรกิจเอกชนต้องการข่าวสารที่เป็นจริงมากขึ้น จึงเกิดมีนักสืบเอกชนขึ้นเพื่อสนองตอบความต้องการของสังคม ซึ่งถือเป็นวิวัฒนาการของนักสืบ
นักสืบมีความจำเป็นอย่างไร
เกิดมาจากการที่มีผู้ปกปิดข้อมูลเป็นความลับ ไม่ต้องการให้ความลับของตนเองเปิดเผยไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่มีบุคคลอื่นต้องการที่จะทราบความลับนั้น และไม่สามารถที่จะแสวงหาข้อมูลอันเป็นความลับนั้นได้ด้วยตัวเอง จึงต้องมีการใช้นักสืบซึ่งมีเทคนิค วิธีการเฉพาะในการแสวงหาข้อเท็จจริงนั้น เพื่อนำมาเปิดเผยให้ผู้ที่ต้องการรู้ความลับนั้นทราบ ถ้าเป็นสังคมในอุดมคติ ที่ไม่มีการโกหก ไม่มีความลับ ไม่มีการทำผิดกฎหมาย หรือกฎข้อบังคับของสังคม ถ้าใครทำผิดพลาดก็ออกมายอมรับว่าตัวเองเป็นคนทำผิดพลาดเอง ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีนักสืบ แต่ในโลกของความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ซึ่งสังคมมีแต่ความลับ การซ่อนเร้น การปกปิดอำพราง และมีแนวโน้มที่จะมีเรื่องพวกนี้มากขึ้นในอนาคต จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีนักสืบ และต่อไปในอนาคตความสำคัญ และความจำเป็นที่จะต้องมีอยู่ของนักสืบก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคุณสมบัติของนักสืบที่ดี ที่นักสืบของบริษัท สกายอินเตอร์เนชั่นแนลลีกัลจำกัด ยึดถือเป็นแบบอย่างและปฏิบัติตามแนวทางนี้มาโดยตลอดอย่างเคร่งครัด เพื่อการให้บริการที่มีคุณภาพแก่ทุกคน
นักสืบต้องมีความกล้าในการตัดสินใจที่จะดำเนินการหรือไม่ดำเนินการสิ่งใด
ที่ดีจะต้องมีการวิเคราะห์และประเมินเหตุการณ์อย่างรอบคอบ ต้องไม่ใจร้อน การเร่งรีบเกินไปในการปฏิบัติภารกิจ การสะกดรอยติดตามเป้าหมายอย่างกระชั้นชิดเกินไป ก็อาจทำให้เป้าหมายรู้ตัว อันเป็นผลให้ภารกิจล้มเหลว ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นกับตัวนักสืบเองหรือผู้ว่าจ้างก็เป็นได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ย่อมทำให้นักสืบคนนั้นก็ไม่สามารถปฏิบัติภารกิจเดิมได้อีก ต้องเปลี่ยนตัวนักสืบ ซึ่งนักสืบคนใหม่ที่เข้ามาทำงานแทนก็จะทำงานได้ยากกว่าเดิม เพราะเป้าหมายจะต้องระวังตัวเพิ่มมากขึ้น ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่เป้าหมายมีหมายจับ
หรือมีความผิดติดตัว ก็จะทำให้เป้าหมายหาสถานที่หลบซ่อนตัวใหม่ เป็นผลให้ทีมงานนักสืบก็ต้องมาเริ่มต้นใหม่ในการสืบหาตัวเป้าหมายอีก นักสืบต้องไม่ใจเย็นเกินไป เพราะการที่ทำอะไรชักช้าเกินไป เฝ้ารอดูการเคลื่อนไหวของเป้าหมายอยู่แต่ภายนอกอย่างเดียวก็อาจทำให้ภารกิจล้ม เหลวได้ เช่น นักสืบได้สะกดรอยตามเป้าหมายไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง แล้วเฝ้ารอดูอยู่แต่ด้านนอกเพราะกลัวเป้าหมายจะรู้ตัวว่าถูกติดตาม โดยไม่พยายามที่จะเข้าไปสำรวจสถานที่นั้น ทำให้ไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนั้นยังมีทางออกทางอื่นอีก
ซึ่งอาจทำให้คลาดกับเป้าหมายได้ถ้าเป้าหมายออกไปอีกทางหนึ่ง หรือการติดตามเป้าหมายโดยการเฝ้าติดตามยานพาหนะของเป้าหมาย โดยคิดแต่เพียงว่าถ้ารถคันนี้เคลื่อนตัวออกไป จะต้องเป็นเป้าหมายที่เป็นคนใช้รถคันนี้อย่างแน่นอน โดยไม่พยายามเข้าไปตรวจสอบดูว่าใครเป็นผู้ที่ใช้รถคันนี้กันแน่ โดยการตามไปห่างๆ หรือการรอดูแต่สัญญาณจากเครื่องมือที่ติดไว้ที่รถเป้าหมาย กว่าจะรูตัวว่าสะกดรอยตามผิดคน แล้วนักสืบย้อนกลับมาหาเป้าหมายยังสถานที่เดิมอีกที่ ก็อาจหาเป้าหมายไม่พบแล้ว ภารกิจก็ล้มเหลว นักสืบที่ดีจึงควรมีการคิดวิเคราะห์ และตัดสินใจเฉพาะหน้าในเหตุการณ์นั้นๆ ได้ดีด้วย จึงจะทำให้สามารถบรรลุภารกิจได้ดี
การรอคอยในงานนักสืบ การรอคอยเป็นสิ่งที่ดี แต่นักสืบไม่ควรรอคอยนานเกินไป
ที่ดีต้องมีความอดทน ความอดทนเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่นักสืบถูกสอนมาตลอดจากนักสืบรุ่นเก่าๆ ให้อดทนรอคอย แต่การรอคอยนั้นควรมีการกำหนดระยะเวลาด้วย คือถ้าเห็นว่าเหตุการณ์ดูเงียบเกินไป หรือระยะเวลาในการเฝ้ารอเป้าหมายนานเกินไปแล้ว เป้าหมายไม่เคลื่อนไหวเลย นักสืบจะต้องรายงานให้หัวหน้าทีมสืบสวนทราบ เพื่อหาทางตรวจสอบให้ได้ว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นกับเป้าหมายหรือไม่ หรือว่าเป้าหมายยังคงอยู่ในห้องพักตัวเองหรือไม่ หรือว่าเป้าหมายได้หลบหนีออกไปโดยวิธีใดวิธีหนึ่งที่นักสืบตรวจสอบไม่พบแล้ว ก็เป็นได้ อีกทั้งการที่นักสืบอยู่เฝ้าเป้าหมายในสถานที่เดิมเป็นเวลานานๆ ก็จะเป็นที่สังเกตของคนทั่วไปได้ง่าย ดังนั้นนักสืบที่ดีควรต้องมีการตรวจสอบเป้าหมายเป็นระยะตามสมควร ไม่ใช่การอดทนรอเวลาแต่เพียงอย่างเดียว เพราะเป้าหมายก็เป็นคนเหมือนกับเรา มีไหวพริบปฏิภาณเหมือนกันกับนักสืบ ย่อมสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติได้อย่างแน่นอน
ความจริงกับ งานนักสืบ นักสืบต้องพูดความจริง
ต้องพูดความจริง การพูดความจริงเป็นคุณสมบัติอีกข้อที่สำคัญยิ่งในการเป็นนักสืบ ในการปฏิบัติงานสืบสวนนั้นต้องมีการทำงานเป็นทีม ดังนั้นภายในทีมงานนักสืบแต่ละคนจะต้องไม่มีการโกหกกัน ต้องพูดความจริงกัน ถ้าโกหก หรือกล่าวเท็จต่อกันแล้วจะทำให้ภารกิจล้มเหลว หรืออาจเกิดอันตรายขึ้นกับตัวนักสืบได้ เช่น นักสืบทีมหนึ่งได้รับมอบหมายภารกิจให้ไปฝ้าสะกดรอยตามเป้าหมายยังสถานที่แห่งหนึ่ง หัวหน้าทีมนักสืบ ได้ทำการสำรวจสถานที่แล้ว มีการวางแผน มอบหมายงานให้นักสืบแต่ละคนเฝ้าเส้นทางเข้าออกของเป้าหมายเป็นอย่างดี แต่มีนักสืบคนหนึ่งในทีมที่ได้รับมอบหมายให้เฝ้าเส้นทางหนึ่งนั้น มีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปทำธุระส่วนตัวที่อื่นสักพัก แต่ไม่แจ้งให้หัวหน้าทีมนักสืบทราบ เพื่อจะได้ส่งนักสืบคนอื่นให้มาเฝ้าเส้นทางนั้นแทน แต่ได้รีบไปทำธุระส่วนตัวแล้วรีบกลับมาโดยไม่แจ้งให้ทีมงานทราบ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เป้าหมายได้หลบหนีออกไปตามเส้นทางนั้น เมื่อเวลาผ่านไปนานจนผิดปกติแล้ว หัวหน้าทีมนักสืบได้ตรวจสอบกับนักสืบทุกคน ต่างยืนยันว่าได้เฝ้าเป้าหมายอยู่ตลอดเวลายังไม่เห็นเป้าหมายออกไปเลย กว่าที่ทีมงานจะหาวิธีเข้าไปตรวจสอบภายในที่พักดังกล่าว เป้าหมายก็เดินทางไปไกลแล้ว ทำให้ภารกิจล้มเหลว ซึ่งในกรณีนี้ถ้านักสืบคนนั้นพูดความจริง ก็จะไม่เกิดเรื่องอย่างนี้แน่นอน ภารกิจคงสำเร็จลุล่วงไปแล้ว การเป็นนักสืบ