
คุณสมบัติ หลายท่านอาจจะงงเมื่อตำรวจสามารถคลี่คลายคดีสำคัญๆ หรือสามารถสืบจับคนร้ายได้ ตำรวจนี่เก่งจริงๆ รู้ได้อย่างไร อย่าว่าแต่ท่านเลยครับ ผมเองก็อยากรู้ ดังนั้นเมื่อตำรวจชุดอื่นซึ่งไม่ใช่ชุดของผม สืบสวนคดีสำคัญๆได้ ผมจะไปสืบเสาะถามให้ได้ว่า สืบได้ยังไง ไม่อย่างนั้นผมนอนไม่หลับ แล้วยังเป็นการเพิ่มพูนความรู้ของผมอีกด้วย
ผมอยากถ่ายทอดวิธีการสืบสวนเหล่านี้ให้พวกท่านได้ทราบ เวลาเกิดเหตุขึ้นกับท่านหรือพรรคพวกท่าน ไม่ต้องไปจ้างวานนักสืบให้เสียเงิน ถ้าให้ตำรวจทำ ไม่ซี้กันจริงๆหรือนายใหญ่ไม่กำชับ ก็เดินเครื่องไม่เต็มร้อย ยังไงก็ต้องให้ตำรวจดำเนินการก่อนเพราะเป็นหน้าที่โดยกฎหมาย แล้วตัวท่านเองทำด้วย จะแนะวิธีให้ บางเรื่องท่านทำได้ บางเรื่องทำได้เฉพาะเจ้าหน้าที่ๆมีอำนาจตามกฎหมายเท่านั้น อันไหนทำได้ท่านทำ อันไหนนอกเหนือความสามารถทำไม่ได้ ท่านก็เพียงรู้ไว้ก็แล้วกัน
- ท่านจะต้องเป็นบุคคลที่มีความจำดี จดจำเรื่องเกี่ยวกับอาชญากรรม วิธีง่ายๆ เวลาท่านอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาไทยฉบับที่ไม่ใช่เกี่ยวกับเศรษฐกิจหน้าหนึ่งจะเป็นข่าวอาชญากรรม บางทีก็หน้าข้างในเป็นข่าวพิเศษเกี่ยวกับคดีบางเรื่อง ท่านตัดข่าวอาชญากรรมเหล่านั้นเก็บไว้จัดทำเป็นแฟ้ม ประเภทมือปืนรับจ้าง ประเภทปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ ลักทรัพย์ตามเคหสถาน แก๊งหลอกลวงต้มตุ๋นสิบแปดมงกุฏ ฯลฯ สนใจประเภทไหนเก็บประเภทนั้น แล้วติดตามปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัย เช่นภายหลังต่อมามีการจับกุมคนร้ายได้ มีภาพคนร้าย มีชื่อผู้สืบสวนจับกุม บางทีมีวิธีการหลุดออกมาด้วย วิธีการนั่นแหละคือหัวใจ บางทีท่านอาจจะพบทีเด็ดในสกุ๊ปข่าว หนังสือพิมพ์บางฉบับจะลงเบื้องหลังการสืบสวน รีบตัดเอาไว้เลย พวกนักข่าวจะรู้อะไรดีๆเพราะติดตามทำข่าวอย่างใกล้ชิด ท่านเก็บรวบรวมไว้ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี แล้วท่านจะพบว่า ท่านมีแฟ้มสาระบบคนร้ายอยู่กับตัว หรือจะเก็บใส่ใน comp.ก็ได้ เดี๋ยวนี้หนังสือพิมพ์ทุกฉบับมีระบบ online
- หน่วยงานนักสืบจะจัดเจ้าหน้าที่ไว้ชุดหนึ่ง ให้ทำเรื่องแฟ้มประวัติคนร้ายจากข้อมูลข้างต้นเขาจะต้องเสาะแสวงหาภาพถ่ายข้อมูลเกี่ยวกับญาติพี่น้องบ้านช่องอยู่ที่ไหนไปดูแล้วทำแผนที่ไว้ ข้อมูลบางอย่างสามารถขอได้จากสาระบบข้อมูลบุคคล กรมการปกครอง คอยติดตามผลคดีว่า ต้องโทษกี่ปี ประกันตัวหรือไม่ หนีคดีหรือเปล่า หรือสู้คดีหลุด เพราะพวกนี้จะหวนกลับไปกระทำความผิดอีก เรียกว่าเป็น “แผนประทุษกรรม คือจะไปประกอบอาชญากรรมแบบเดิมๆ เมื่อมีคดีลักษณะเดียวกันเกิดขึ้น หน่วยสืบสวนก็จะตรวจสอบบุคคลตามแฟ้มประวัติเดิม ว่าน่าจะไปประกอบอาชญากรรมอีกหรือไม่
- ต้องเป็นบุคคลขี้สงสัย เห็นอะไรผิดปกติอย่าปล่อยให้ผ่านเลยไป ต้องสังเกตเก็บรายละเอียดจับตาดู พฤติการณ์ หรือเข้าไปจัดการทันที เช่นพบรถยนต์เก๋งหรือรถตู้ติดฟิล์มมืด จอดติดเครื่องยนต์เปิดแอร์จอดซุ่ม มีคนนั่งอยู่ในรถ ดูแผ่นป้ายทะเบียนแล้วเลอะเลือนบางทีติดทะเบียนปลอม แบบนี้ให้สงสัยไว้ก่อนว่า ซุ่มเพื่อรอโอกาสก่ออาชญากรรม ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนไปพบเข้า ต้องชาร์จเข้าตรวจค้นทันที (บางครั้งเจอพวกเดียวกัน มาคอยดักอุ้มเหยื่อ)
- แหล่งข่าวหรือสายลับ ข้อนี้ตำรวจฝ่ายสืบสวนเท่านั้นที่จะทำได้ดีที่สุด นั่นก็คือ เมื่อมีการจับกุมคนร้ายได้ ฝ่ายสืบสวนจะทำการขยายผล (การซักถามถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่ร่วมกระทำความผิด ผู้ให้การสนับสนุน ผู้รับซื้อของโจร หรือเรื่องอื่นๆ ถ้าเรื่องใดเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน ก็จะเป็นผลดีกับตัวผู้ให้ข่าว) ตำรวจมีวิธีซักถามที่ผู้ต้องหาปฎิเสธหรือโกหกไม่ได้ เมื่อได้ข้อมูลไปแล้ว ฝ่ายสืบสวนจะทำการตรวจสอบว่าจริงหรือไม่จริง ถ้าตรวจสอบแล้วเป็นเรื่องยกเมฆ คราวนี้โดนหนัก ถ้าเป็นประโยชน์จะเบา หรือเลี้ยงเอาไว้เป็นแหล่งข่าว ไม่อายัดคดีเพิ่ม พวกนี้พอพ้นโทษแล้วจะขอเข้ามาพึ่งใบบุญ ขายข่าวให้กับตำรวจ แหล่งข่าวหรือสายลับลักษณะนี้มีเยอะ บางครั้งนักสืบก็โดนสายลับหลอก แหล่งข่าวในเรือนจำก็ยังใช้ได้อยู่ ผมเคยได้ข้อมูลจาก “ป๋าลอ”หลายเรื่อง
- การหาข้อมูล ผมหมายถึงการหาข้อมูลเฉพาะเรื่อง เช่นต้องการสืบเรื่องใดก็เจาะลึกเรื่องนั้นเรื่องเดียว การหาข้อมูลได้จาก
- จากแหล่งข่าวหรือสายลับ
- การดักฟังโทรศัพท์ เป็นเรื่องจำเป็นนะครับ แม้จะเป็นเรื่องผิดกฎหมายก็ยังมีบางหน่วยงานที่สามารถทำได้ส่วนพวกผมใช้วิธีลักขโมยดักฟังหรือวิธีโจรโทรศัพท์บ้านหรือที่เรียกว่า “เบอร์พื้นฐาน” การดักฟังขนมมาก ส่วนเบอร์มือถือต้องใช้อุปกรณ์อีเล็กโทรนิคช่วยวิธีการนี้ใช้อ้างในศาลไม่ได้ แต่เรารู้ว่าใครเกี่ยวข้องอย่างไรบ้างแล้วค่อยไปหาพยานหลักฐานวิธีอื่น
- ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ เป็นศาสตร์การสืบสวนแขนงหนึ่ง ทุกคดีเราจะมีผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องโทรศัพท์ตั้งโปรแกรมเอาเบอร์โทรศัพท์ที่สงสัยเป็นตัวตั้ง หาความสัมพันธ์ระหว่างเบอร์ที่สงสัยกับเบอร์อื่นๆ ทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุการณ์การตรวจสอบชนิดนี้สามารถบอกได้ว่าใครเป็นตัวการ ใครออกคำสั่ง ใครเป็นผู้ปฏิบัติ
- การเฝ้าจุดสังเกตการณ์ก็เป็นการหาข้อมูลอย่างหนึ่ง บางเรื่องต้องลงทุนเช่าอาคารหรือห้องที่อยู่ติดกัน ใช้กล้องที่มีกำลังขยายส่องดูพฤติการณ์ ถ่ายภาพ บันทึกรายละเอียด เฝ้ากันเป็นแรมเดือน ถ้าเป็นห้องติดกันก็ต้องใช้อุปกรณ์ดักฟังผ่านผนังตึก มีอยู่กรณีหนึ่งที่เราต้องการเอกสารสำคัญ ทราบว่าแก๊งนี้ทำลายเอกสารโดยใส่ชักโครก เราต้องไปติดต่อเช่าห้องที่ท่อน้ำโสโครกจากห้องเป้าหมายผ่าน ตัดท่อโสโครกออกแล้วเอาถุงพ๊าสติกผูกปลายท่อ เมื่อห้องเป้าหมายชักโครกเราก็ต้องคอยเปลี่ยนถุงพ๊าสติก เพราะเอาไปคุ้ยเขี่ยดูว่ามีเอกสารที่ต้องการหรือไม่ ปรากฏว่าพบแต่อึเป็นส่วนใหญ่
- การเข้าเกลียว เป็นวิธีการที่เราส่งคนเข้าไปทำงานในหน่วยงาน หรือแทรกเข้าไปในสังคมของเป้าหมาย โดยให้เข้าไปแบบธรรมชาติ เช่นสมัครเข้าทำงาน ผ่านการสอบคัดเลือก ผ่านการทดสอบเหมือนพนักงานทั่วไป จะมีเพียงนายใหญ่คนเดียวเท่านั้นที่รับรู้ เมื่อแทรกซึมเข้าไปได้แล้วก็จะเข้ากลุ่มเข้าพวก เขาทำอะไรกันก็ทำกับเขาด้วย จึงมีอยู่บ่อยๆที่เมื่อมีการจับกุมเกิดขึ้นปรากฏว่ามีสายลับของหน่วยงานต่างๆพลอยถูกจับไปด้วย
- การดึงคนในกลุ่มเป้าหมายมาเป็นพวก ใช้กันมากในกลุ่มสหภาพแรงงาน ในจำนวนคนงานเป็นพันๆคน เราจะไม่รู้ว่าใครเป็นพวกใคร ใครโดนซื้อตัวไปแล้วบ้าง วิธีนี้ใช้เงินหรือผลประโยชน์แลกเปลี่ยนลูกเดียว
- การใช้กล้องรูเข็มเข้าไปซ่อนในสถานที่ๆของเป้าหมาย ส่งภาพทางคลื่นวิทยุ
- ติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เป็นกล้องขนาดจิ๋ว ซ่อนกล้องอย่างมิดชิด เก็บภาพรายละเอียดจากสถานที่เป้าหมาย ส่งภาพด้วยคลื่นวิทยุ
- การสะกดรอยติดตาม วิธีการนี้ใช้กันมาก ลงทุนน้อย ท่านสามารถนำไปใช้ได้ การสะกดรอยติดตามมีทั้งการใช้รถยนต์ และเดินสะกดรอย การสะกดรอยที่ได้ผลจะต้องไม่ให้เป้าหมายรู้ตัว เพื่อต้องการที่จะทราบว่า เป้าหมายไปติดต่อกับใคร ที่ใด ทำให้เราได้เป้าหมายเพิ่ม เมื่อเราได้เป้าหมายเพิ่มก็ต้องมาวิเคราะห์ว่า เป้าหมายใหม่มีความสำคัญหรือไม่เพียงใด ถ้ามีความสำคัญเราก็หาข้อมูลและสะกดรอยเป้าใหม่นั้นอีก
การสะกดรอยติดตามนี้นักสืบเอกชนใช้กันมากงานที่มีผู้ว่าจ้างคือ สืบความประพฤติด้านชู้สาว ผัวนอกใจเมียเมียนอกใจผัว ค่าจ้างแพง แต่ต้องมีภาพถ่ายหรือบันทึกเสียงเป็นหลักฐาน ผมเคยช่วยสงเคราะห์ให้ไปหลายราย
วิธีการสะกดรอย ผมบอกแต่แรกแล้วว่า ต้องกระทำไม่ให้เป้าหมายรู้ตัว วิธีการที่ผมจะบอกนี้ ท่านสามารถนำไปใช้ตรวจสอบได้ว่า ท่านถูกสะกดรอยติดตามหรือเปล่า หรือจะลองสะกดรอยใครบ้างก็ได้
- การดักเป้าหมายจากจุดเริ่มต้น จะเริ่มที่ใด เช่นที่บ้านพัก สถานที่ทำงาน สถานที่ประชุมแล้วแต่ความพร้อมถ้าเป้าหมายเดินทางด้วยรถยนต์ ชุดติดตามต้องใช้รถยนต์อย่างน้อย ๓ คัน และรถจักรยานยนต์อย่างน้อย ๒ คัน แต่ถ้าไม่มียานพาหนะพอ ใช้รถยนต์คันเดียวติดตามก็ได้สำคัญอยู่ที่จุดเริ่มต้นเป้าหมายส่วนมากจะคอยระวังตัว ถ้าออกจากที่หมายแล้วมีรถขับตามเป้าหมายจะรู้ตัวทันที (เหมือนอย่างในภาพยนตร์ฝรั่ง นั่นเป็นการจงใจให้รู้ว่ามีการสะกดรอยติดตาม แต่เวลาเขาปฏิบัติการจริงๆไม่ได้บ้องตื้นอย่างนั้นหรอกครับ) จะต้องมีคนคอยบอกหรือส่งสัญญาณให้ชุดติดตามรู้ว่า เป้าหมายออกจากจุดเริ่มต้นด้วยยานพาหนะใด ไปทิศทางใด ผู้แจ้งรายละเอียดนี้อาจจะต้องฝังตัวในที่มิดชิด ไม่ต้องเคลื่อนที่ตามไปด้วย ส่วนชุดติดตามฝังตัวอยู่ในเส้นทาง ให้กลมกลืน ไม่ผิดสังเกต
- รถยนต์และจักรยานยนต์ในชุดติดตาม จะต้องใช้วิทยุวอกกี้ทอกกี้ ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ เพราะจะไม่ทันการ การใช้วิทยุวอกกี้ทอกกี้สั่งการ สั่งทีเดียวลูกข่ายจะทราบทั่วกัน การตามเป้าหมายควรให้มีรถอื่นคั่น ๑ หรือ ๒ คัน ส่วนรถจักรยานยนต์มีความจำเป็นมากเมื่อถึงทางแยกที่มีสัญญาณไฟ ในกรณีที่มีการติดตามในกรุงเทพ พอถึงแยกที่มีสัญญาณไฟจะต้องให้รถจักรยานยนต์นำหน้าไปก่อน ไปชะลอๆที่ทางแยก มีอยู่เสมอรถเป้าหมายผ่านแยกไปสัญญาณไฟก็เปลี่ยน รถที่ติดตามติดสัญญาณไฟ ตามไม่ทัน แต่กรณีเช่นนี้รถจักรยานยนต์จะเกาะเป้าหมายติดและแจ้งให้ชุดติดตามทราบทิศทาง ทำให้เป้าหมายไม่หลุดจากการติดตาม
- ถ้าเป็นติดตามระยะทางไกล เช่นเป้าหมายเดินทางไปต่างจังหวัด ชุดติดตามไม่จำเป็นต้องขับตามเป็นขบวนสามารถที่จะไปดักรอที่แยกข้างหน้าได้ข้อสำคัญต้องทำให้เป็นธรรมชาติ และกลมกลืน สมเหตุสมผล อย่าให้เป็นพิรุธ
- เมื่อเป้าหมายเริ่มสังเกตหรือให้ความสนใจรถคันใด รถคันนั้นต้องหยุดการติดตามทันที และจะไม่ใช้รถยนต์คันนี้ในการติดตามอีกเลย
- การเตรียมยานพาหนะและบุคคลที่ติดตามมีความสำคัญ ต้องใช้รถธรรมดาๆแบบที่ใช้กันส่วนมาก ไม่ใช้รถลักษณะพิเศษ เช่นรถสปอร์ต รถสีฉูดฉาด รถติดสติ๊กเกอร์ ผู้นั่งในรถต้องอย่างน้อย ๒ คน ทำหน้าที่พลขับ ๑ คน ติดต่อวิทยุและสังเกตการณ์ ๑ คน ใช้ชายผสมกับหญิงก็จะดี
คุณสมบัติ การตรวจสอบว่าถูกติดตามหรือไม่
- สังเกตจากกระจกมองหลัง กระจกมองข้างว่ามีรถใดขับติดตามมาเป็นเวลานาน ซึ่งตามปกติควรจะแซงขึ้นหน้าก็ไม่ยอมแซง
- ถ้าสงสัยว่าถูกติดตามให้ชะลอความเร็วรถ แล้วสังเกตรถที่ขับติดตามชะลอความเร็วตาม หรือขับแซงขึ้นหน้าไป กรณีถ้ารถที่ขับตามได้แซงไปแล้ว แต่สักพักหนึ่งยังพบว่า ขับตามหลังอีก ให้สงสัยได้เลยว่าโดยสะกดรอย
- ตามปกติรถจักรยานยนต์จะไม่ขับขี่ตามหลังรถยนต์เป็นระยะทางไกล โดยเฉพาะในกทม.สภาพการจราจรติดขัดรถจักรยานยนต์จะซอกแซกขึ้นหน้ารถยนต์เสมอ ถ้ารถจักรยานยนต์ขับตามหลังรถท่าน เป็นระยะทางไกลๆ และเป็นเวลานานก็ต้องสงสัยกันหน่อย
- แกล้งขับรถเข้าไปในซอยตัน หรือซอยธรรมดาก็ได้ พอขับไปถึงกลางๆซอย หรือพอได้ระยะทางสัก ๑๐๐ หรือ ๒๐๐ เมตรแล้วลองกลับรถ ขับออกทางเดิม สังเกตความผิดปกติของรถที่ขับตาม ว่ากลับรถขับตามท่านมาอีกหรือไม่ รับรองครับ วิชาการสะกดรอยติดตามเขาบอกไว้เลย แบบนี้เรียกว่า เป้าหมายรู้ตัวและเริ่มมีการตรวจสอบ รถคันใดที่หลงขับตามเข้าไป ต้องยุติการติดตามทันที
- แกล้งขับรถเข้าไปจอดในศูนย์การค้า เดินชมสินค้า เวลาเดินๆไปลองหยุดกับที่แล้วหันหลังกลับทันที สังเกตว่ามีใครที่ตามหลังมาหลบวูบวาบเป็นที่ผิดสังเกตหรือไม่ หรือจะแกล้งเข้าไปในร้านอาหาร สั่งอาหาร พอบ๋อยนำอาหารมาเสริฟ จ่ายเงินออกจากร้านไปโดยไม่ทานอาหาร เพื่อแก้สถานการณ์เช่นนี้ บรรดานักสืบจึงถูกสั่งสอนมา เวลาตามเป้าหมายเข้าไปในร้านอาหาร ถ้าจำเป็นต้องเข้าไปในร้าน (บางกรณีดักอยู่หน้าร้านไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเป้าหมายนัดพบกับใครในร้าน หรือบางทีเป้าหมายอาจจะเดินออกหลังร้านไปฉิบ) นักสืบจะต้องสั่งอาหารที่เสริฟเร็ว เช่นเครื่องดื่ม แล้วจ่ายค่าอาหารหรือเครื่องดื่มทันที ถ้าเป้าหมายผลุนผลันออกไปก็จะได้ออกไปได้ทันการ
- ในกรณีแกล้งไปจอดรถตามศูนย์การค้า อาจจะเดินดูสินค้า หรือทำท่าทีว่าคอยใคร แล้วทันใดนั้นก็ออกจากห้างนั่งรถแท็กซี่เดินทางต่อ วิธีการนี้จะทำให้ชุดสืบสวนโดยรถยนต์ตามไม่ทัน แต่บรรดานักสืบเขาก็ถูกสอนมา ให้เตรียมพร้อมเพื่อรับสถานการณ์เช่นนี้เหมือนกัน
- วิชาสะกดรอยติดตาม เป็นวิชาที่สนุกที่สุด ทุกคนชอบ เวลาฝึกบางครั้งผู้ฝึก กำหนดเป้าหมายเป็นชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ ทางอากาศยาน บอกลักษณะรูปร่าง การแต่งกาย รายละเอียดอีกนิดหน่อย แล้วแบ่งชุดสะกดรอยติดตาม ไปคอยดักที่ท่าอากาศยาน ปรากฏว่าตามผิดตามถูก สนุกดี ผมเคยฝึกร่วมในหลักสูตรของฝรั่ง หน่วยปราบปรามยาเสพติด การเรียนการสอนเหมือนกันกับของไทย แต่เชื่อไหมครับ การสะกดรอยติดตามใช้ได้บ้าง โดยเฉพาะคดีจับคนเรียกค่าไถ่ แต่ที่ได้ผลมากที่สุดก็คือ “อุ้ม”ครับ นักสืบ