
สืบพฤติกรรม บทความนี้ถูกเขียนขึ้นโดยอาศัยข้อมูลจากประสบการณ์ การทำงานเป็นนักสืบ ไม่ใช่เป็นบทความที่คัดลอกมาจากเว็บไซต์ หรือจากสื่อสิ่งพิมพ์ทุกประเภท เหตุที่ต้องเขียนบทความนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะต้องการทำความเข้าใจ และต้องการสื่อให้ทางลูกค้าทราบว่า “งานสืบ” โดยเฉพาะงานติดตามพฤติกรรม ที่ต้องอาศัยการทำงานเป็นทีมเวิร์ค
เป็นงานที่ต้องหาข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะหาได้ก่อนที่จะลงพื้นที่เพื่อปฏิบัติงานจริง เบื้องต้น “ข้อมูล” ก็มาจากลูกค้าที่มาจ้างกับทีมงานของเราตรงนี้สำคัญมากอย่างแรกเลย ข้อมูลที่ให้กับทีมงานนักสืบต้องเป็นข้อมูลที่เป็นจริง ข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้นที่ต้องแจ้งกับนักสืบ คือ ชื่อและสกุลจริง(เพื่อที่อาจจะต้องต่อยอดหาข้อมูลเพิ่มเติมนอกจากข้อมูลที่ได้รับมาจากทางลูกค้า หรือเพื่อ สืบหาข้อมูลที่คาดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่ต้องใช้ในงานสืบ
รองลงมาก็เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ต้องใช้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับงานสืบ เช่น เบอร์โทรศัพท์ , รูปถ่ายปัจจุบันหรือรูปที่ใกล้เคียงปัจจุบันมากที่สุด , สถานที่พักปัจจุบัน (ถ้าทราบ) , สถานที่ทำงาน , รูปแบบวิธีการเดินทาง , ข้อมูลของรถยนต์ที่เป้าหมายใช้เดินทาง,เส้นทางการเดินทาง , สถานที่ๆไปบ่อยๆ , ข้อมูลของคนใกล้ชิด (เพื่อนสนิท,ญาติพี่น้อง) , กิจกรรมที่เป้าหมายชอบทำหรือต้องปฏิบัติอยู่เป็นประจำ
ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงข้อมูลบางส่วนที่สำคัญและจำเป็นที่ต้องใช้ในงานสืบ ทางนักสืบอาจจะต้องติดต่อกับทางลูกค้าเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนที่คิดว่าเป็นข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์ในงานสืบ หลักสำคัญ ถ้าหากทางผู้ว่าจ้างมีข้อมูลมากเท่าไหร่ความสำเร็จของงานหรือการทำงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ลุกค้าต้องการก็สัมฤทธิ์ผลมากขึ้น
แต่ในทางกลับกันหากทางลูกค้ามีข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมายหรือผู้ที่ต้องการให้ติดตามดูพฤติกรรมน้อยมากก็ไม่ได้หมายความว่า ทีมงานนักสืบจะไม่สามารถทำงานให้ได้ตามวัตถุประสงค์ที่ทางลุกค้าต้องการ ทั้งนี้ทั้งนั้นการทำงานทางด้านนี้ เบื้องต้นก็ต้องดูว่า สิ่งทีลูกค้าหรือผู้ว่าจ้างติดต่อมาหานักสืบเพื่อมอบหมายภารกิจที่ให้ทำนั้น ทางผู้ว่าจ้างต้องการอะไรจากตรงนี้ โอกาสความสำเร็จของงานมากน้อยแค่ไหน สามารถทำให้ได้ตามความต้องการของลูกค้าได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ได้หรือไม่ ตรงนี้ทางนักสืบและผู้ว่าจ้างจะต้องพูดคุยทำความเข้าใจกันทั้งสองฝ่ายก่อนที่จะมีการรับงานจากลุกค้า นั่นก็เพราะยังมีปัจจัยด้านอื่นที่อาจจะส่งผลให้การปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามความต้องการของลูกค้า เช่น เรื่องของความยากง่ายของงาน
ขอยกตัวอย่างที่ทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น มีบ่อยครั้งที่ทางลูกค้าได้ลงมือติดตามด้วยตัวเองหรือได้ไหว้วานให้เพื่อนญาติพี่น้องเป็นฝ่ายติดตามดูพฤติกรรมของเป้าหมายก่อนจะติดต่อมาหานักสืบ แล้วปรากฏว่าทำไม่สำเร็จ อาจจะเป็นเพราะไม่มีประสบการณ์ทำงานทางด้านนี้ และก็เป็นการติดตามที่ไม่ใช่การทำงานกันแบบเป็นทีม ประกอบกับไม่มีเครื่องมือเฉพาะทางที่ต้องใช้ในงานสืบ หรือ ทางลูกค้าเองได้เคยไปจ้างบริษัทนักสืบที่อื่นให้ทำงานติดตามดูพฤติกรรมของเป้าหมายมาแล้ว ติดตามพฤติกรรม
และนักสืบบริษัทอื่นก็ทำงานล้มเหลวหรือรับเงินจากลูกค้าไปแล้วก็ทิ้งงาน หรือทำงานแบบไม่มีความรับผิดชอบ และที่เลวร้ายที่สุดนั่นก็คือ ทำให้เป้าหมายรู้ตัวหรือรู้สึกได้ว่ากำลังโดนติดตาม ถ้าเป็นลักษณะแบบนี้ ทางเราจะยังไม่ขอรับงานจากลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาเพื่อให้ติดตามเป้าหมายในช่วงเวลานั้นๆ นั่นก็เพราะโอกาสที่จะทำงานให้ลูกค้าสำเร็จหรือให้ได้ข้อมูลสำคัญตามที่ลูกค้าต้องการก็จะน้อยลง เพราะทางเป้าหมายได้รู้ตัวว่ากำลังถูกติดตาม ตัวเป้าหมายก็จะมีการระมัดระวังตัวเองมากขึ้น จะเป็นคนที่หัดสังเกตและให้ความใส่ใจกับบุคคลรอบๆตัวมากขึ้น และที่สำคัญตัวเป้าหมายก็คงไม่ทำหรือแสดงพฤติกรรมที่อาจจะเป็นผลลบต่อตัวเป้าหมายเองในช่วงเวลานั้น
หมายเหตุ : เนื้อหารายละเอียดของบทความนี้ก็เพื่อต้องการชี้แจงให้ทางลูกค้าได้ทราบว่า ก่อนจะจ้างนักสืบทำงานต้องเตรียมข้อมูลอะไรบ้าง และได้ยกกรณีตัวอย่างว่าความยากง่ายของงานขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไร และอะไงบ้างที่เป็นเหตุทำให้งานไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นก่อนที่จะมีการจ้างนักสืบ ควรพิจารณาข้อมูลที่กล่าวไว้ในข้างต้นเพื่อประกอบกับการตัดสินใจจ้างสืบ
สำนักงานให้บริการ สืบค้น สืบชู้สาว สืบพฤติกรรม บุคคลโดยรวม ข้อบ่งชี้ ข้อสังเกตพยานหลักฐานในเชิงลึก สืบทรัพย์
สืบด้านข้อมูลและเอกสาร คืองานที่ผู้ว่าจ้างต้องการให้สืบเกี่ยวกับข้อมูลและเอกสารทั้งหมดที่ผู้ว่าจ้างต้องการทราบ เช่น ประวัติบุคคล ประวัติการถูกดำเนินคดีอาญา การถูกออกหมายจับ ทะเบียนราษฎร์ ทะเบียนรถ ประวัติการทำงานข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีธนาคาร การใช้บัตรเครดิต บัตร เอ.ที.เอ็ม. เป็นต้น ซึ่งในส่วนนี้ผู้ว่าจ้าง จะต้องจ่ายเงินค่าจ้างทั้งหมดให้กับทาง สน.ง. ก่อนที่จะเริ่ม การดำเนินการ เพื่อที่ทาง สน.ง. จะได้ดำเนินการหาข้อมูลจากแหล่งข่าวให้เสร็จเรียบร้อยโดยเร็ว
ซึ่งผู้ว่าจ้างอาจมีคำถามว่า ทำไมต้องชำระเงินค่าบริการทั้งหมดก่อนเริ่มงาน คำตอบคือ ข้อมูลที่ผู้ว่าจ้างต้องการรู้นั้นจะมีค่า และมีความสำคัญกับทางผู้ว่าจ้างเท่านั้น แต่ไม่มีความสำคัญหรือมีค่ากับบุคคลอื่น. เมื่อ สน.ง. ได้ดำเนินการสืบสวนหาข้อมูลให้กับทางผู้ว่าจ้างแล้ว สน.ง. จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่เกิดขึ้น ดังนั้นเมื่อ สน.ง. ดำเนินการสืบเสาะจนได้ข้อมูลมาครบถ้วนแล้ว หากในเวลาต่อมาภายหลัง ผู้ว่าจ้างแจ้งกับ สน.ง.ว่า ไม่ต้องการข้อมูลนั้นแล้ว สน.ง. จะไม่สามารถที่เรียกเก็บค่าบริการดังกล่าวจากผู้ใดได้
การสืบสวนหาข้อมูลภาคสนาม คือ งานที่ผู้ว่าจ้างต้องการหาหลักฐานภาพถ่าย บันทึกวีดีโอ หรือการสืบสวนสะกดรอยถ่ายภาพเป้าหมายที่กำลังทำผิด เพื่อใช้ในการตรวจสอบพฤติกรรมของเป้าหมายทั้งหมด การดำเนินการในส่วนนี้ จะให้ผู้ว่าจ้างชำระเงินค่าบริการก่อนเป็น จำนวน ร้อยละ 80 ของค่าบริการทั้งหมด ต่อจากนั้นทาง สน.ง. จะเริ่มดำเนินการสืบเสาะ ซึ่งเมื่อได้ทำการสืบสวนจนได้ข้อมูลครบถ้วนเรียบร้อย ตามที่ได้ตกลงกับทางผู้ว่าจ้างแล้ว สน.ง. จะแจ้งให้กับผู้ว่าจ้างทราบ เพื่อให้ผู้ว่าจ้างชำระเงินในส่วนที่เหลือจนครบถ้วนตามจำนวน แล้วทางเรา จึงจะส่งมอบงานให้ผู้ว่าจ้าง หากเป็นกรณีที่ผู้ว่าจ้างชำระเงินค่าบริการเต็มจำนวน ไว้ก่อนเริ่มงาน ผู้ว่าจ้างสามารถสอบถามความคืบหน้าของการดำเนินงานจาก ทีมงานได้ตลอดเวลา
การว่าจ้าง ผู้ว่าจ้างควรจะแจ้งรายละเอียดทุกอย่างของงานให้เราทราบ ซึ่งจะทำให้เราสามารถวางแผนในการทำงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดแก่ผู้ว่า จ้างได้ ผู้ว่าจ้างไม่ควรที่จะปกปิดข้อเท็จจริงบางอย่าง เช่น ถ้าผู้ว่าจ้างเคยว่าจ้างนักสืบ ของสำนักงานนักสืบสะกดรอยตามเป้าหมายมาแล้ว ผู้ว่าจ้างควรแจ้งให้เราทราบด้วย เพราะทีมงาน สน.ง .จะได้ทำการประเมินสถานะการณ์ใหม่ เนื่องจากเป้าหมายเคยถูกสะกดรอยมาแล้ว จะมีความระมัดระวังตัวมากขึ้น ทำให้การติดตามเป้าหมายได้ยากขึ้น หรือเป้าหมายอาจจะหลอกพาไปยังสถานที่ต่างๆ
ที่เป้าหมายอยากให้เราไป เพื่อให้เราได้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง มารายงานผู้ว่าจ้าง ซึ่งเป็นผลเสียกับงานของผู้ว่าจ้างเองได้ ในกรณีที่ หากเกิดปัญหาขึ้นในระหว่างการปฏิบัติงาน เช่น อาจเกิดอันตรายกับทางทีมงานผู้ปฏิบัติทางทีมงานอาจพิจารณายกเลิกภารกิจนั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของหัวหน้าทีมปฏิบัติงาน การสืบสวนในเรื่องอื่นๆ เช่น การสืบหาประวัติการต้องโทษ การถูกดำเนินคดีอาญา ประวัติการพ้นโทษ การถูกออกหมายจับ การสืบทรัพย์ การสืบสวนการทุจริตในองค์กร การสืบหาข้อมูลโทรศัพท์ สืบหาเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์ สืบหาเจ้าของยานพาหนะ เป็นต้น จะมีการคิดค่าใช้จ่ายเป็นกรณีไป แล้วแต่ตกลงกัน
สืบพฤติกรรมชู้สาว สะกดรอย ติดตาม ตรวจสอบประวัติ
สน.ง.ให้บริการงานสืบพฤติกรรมชู้สาวสะกดรอยติดตามพฤติกรรมถ่ายภาพ บันทึกวีดีโอ ตรวจสอบประวัติส่วนตัว สถานภาพการสมรส สถานที่ทำงาน ข้อมูลการใช้โทรศัพท์ สถานภาพทางด้านการเงิน รายได้ สืบหาหลักฐานการฟ้องหย่า การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากชู้ ฟ้องเพื่อขอสิทธิ์ในการปกครองบุตร ตลอดจนรับสืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้
สามี ภริยา มีพฤติกรรมดังนี้โปรดสังเกตให้ดี
ชอบออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน โดยมักจะมีข้ออ้างต่างๆ เสมอกลับบ้านไม่ตรงเวลา และมีข้ออ้างในการกลับบ้านช้าอยู่เสมอออกจากบ้านไปทำงานเร็วผิดปกติ และกลับบ้านช้าผิดปกติอ้างว่าติดประชุมบ่อยๆ ติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ค่อยได้ ปิดเครื่องเสมอ(โทรศัพท์มือถือ) มีโทรศัพท์แปลกๆ เข้ามาบ่อยผิดปกติ ชอบแอบไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก พกโทรศัพท์ติดตัวอยู่เสมอ ไม่ค่อยยอมให้ใครใช้โทรศัพท์ของตนเอง ใส่รหัสเปิดเครื่องเสมอมีการเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อยๆ ส่วนมากจะบอกว่าไปสัมมนากับทางบริษัท หรือไปพบลูกค้าต่างจังหวัดมีความพิถีพิถันในการแต่งตัวมากขึ้น รักสวยรักงามมากขึ้น แต่งตัวเป็นวัยรุ่นมากขึ้นไปทำงานในวันหยุด อาจจะอ้างเรื่องทำโอที หรือเรื่องอื่นๆ
การมีเพศสัมพันธ์กับสามีหรือภริยา น้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเจนมีการใช้จ่าย ทั้งเงินสด หรือบัตรเครดิต มากผิดปกติอาจมีหนี้สินที่เพิ่มขึ้นโดยไม่มีเหตุอันควรพวงกุญแจ อาจจะมีกุญแจแปลกๆ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นกุญแจอะไร (อาจเป็นกุญแจบ้าน คอนโด อพาร์ทเมนท์ ของชู้) หรืออาจมีกุญแจอื่นๆ
ซุกซ่อนเอาไว้ในรถยนต์ส่วนตัวมีสิ่งของเครื่องใช้ของคนอื่นอยู่ภายในรถยนต์ส่วนตัว เช่น น้ำหอม ต่างหู ลิปสติก เป็นต้นจากคนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย อาจหันมาออกกำลังกายมากขึ้น มีการสมัครเข้าเป็นสมาชิกสปอร์ตคลับกรณีที่เป็นหญิง อาจชอบไปเรียนเต้นลีลาศ หรือฝึกโยคะมากขึ้นมีงานสังสรรค์บ่อยขึ้น เช่น งานเลี้ยงวัดเกิดเพื่อน วันเกิดเจ้านาย วันเกิดลูกน้อง งานเลี้ยงรุ่น งานเลี้ยงศิษย์เก่า เป็นต้น
ค่าโทรศัพท์มากขึ้นผิดปกติ อาจเปลี่ยนที่ส่งบิลค่าโทรศัพท์ไปที่ทำงานปกปิด ซ่อนเร้น ทรัพย์สินต่างๆ เช่น บัญชีเงินฝากธนาคาร บัญชีการซื้อขายหุ้นหากเป็นเจ้าของกิจการเอง อาจใช้เวลาทำงานตอนกลางวันไปหาชู้ เมื่อโทรศัพท์ไปหาที่ทำงานมักจะไม่พบ อ้างว่าไปพบลูกค้าชอบหาเรื่องทะเลาะกับสามี หรือภริยา เป็นประจำ และมักจะออกจากบ้านไปเวลาทะเลาะกันหรือมีอาการผิดปกติอย่างอื่นที่ท่านคิดว่าสามีหรือภริยาของท่าน เป็นชู้หรือมีชู้พฤติกรรมที่กล่าวถึงข้างต้นอาจเกิดขึ้น เพราะสามี ภริยา มีชู้หรือเป็นชู้ก็เป็นได้
การฟ้องหย่าและฟ้องชู้เรียกค่าทดแทนจากชายชู้หรือหญิงชู้นั้นจะต้องมีลักษณะดังนี้คือ
เป็นสามีภริยาทีได้จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย
สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้ ชายที่ร่วมประเวณีด้วยเมียเข หรือมีชู้ หญิงที่ยังมีสามีอยู่แล้วร่วมประเวณีกับชายอื่น) หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณสามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้ และ ภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผย เพื่อแสดงว่าตน มีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้
สามีหรือภริยาไม่ได้ให้ความยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการตาม ข้อ 2. หรือให้ผู้อื่นกระทำการตาม ข้อ 3.การที่ภริยาหรือสามี จะมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยาที่มีชู้หรือเป็นชู้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่มีการฟ้องหย่าเท่านั้น ส่วนการเรียกค่าทดแทนจากชู้นั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องมีการฟ้องหย่า
การสืบพฤติกรรมนั้นจะต้องสืบหาอะไรบ้างเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องหย่าและฟ้องชู้เรียกค่าทดแทนจากชู้
จะต้องสืบหาข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของสามี ภริยา หรือของชู้ เพราะตามปกติแล้วคนที่มีชู้หรือเป็นชู้นั้น จะต้องมีการโทรศัพท์ หรือส่งข้อความหาชู้อย่างสม่ำเสมอแน่นอน
จะต้องสืบหาข้อมูลด้านการเงินของสามีภริยาหรือของชู้ เพราะมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงมาก ที่จะมีการโอนเงินให้แก่กัน หรือมีการเขียนเช็คให้ หรือมีการซื้อบ้าน ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม หรือการเช่าที่พักอาศัยให้แก่กัน อาจมีการใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าต่างๆ หรือของขวัญส่งมอบให้แก่กัน
จะต้องสืบหาข้อมูลการถือครองอสังหาริมทรัพย์โฉนดบ้านที่ดินทาวน์เฮาส์คอนโดชื่อผู้เช่าห้องพักอาศัย (ที่อยู่อาศัยของชู้) ว่าใครเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าว (ใครเป็นคนจ่ายเงินที่แท้จริง) สืบหาที่มาของเงินที่ใช้ซื้อทรัพย์สินดังกล่าวเหล่านั้น
จะต้องสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวันของสามีหรือภริยาที่มีชู้หรือเป็นชู้ด้วยการสะกดรอยตามพร้อมถ่ายภาพ บันทึกเสียง หรือบันทึกวิดีโอ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานว่ามีการไปพบปะ พุดคุย รับประทานอาหาร ไปท่องเที่ยวกับชู้หรือไม่ หรือมีการพากันเข้าไปในสถานที่รโหฐานหรือไม่
จะต้องสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับชู้ ว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน ประกอบอาชีพอะไร มีสามี หรือภริยาอยู่แล้วหรือไม่
หลักฐานที่ได้ดังกล่าวข้างต้นจะเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าสามีหรือภริยาของ คุณ มีชู้หรือเป็นชู้กับใครหรือไม่ ถ้ามีหลักฐานที่น่าเชื่อถือพอเพียงก็สามารถใช้ฟ้องหย่า เรียกค่าเสียหาย ค่าทดแทน จากสามี ภริยา ที่มีชู้หรือเป็นชู้กับผู้อื่นได้ และยังสามารถใช้ฟ้องเรียกค่าทดแทน ค่าเสียหาย จากชู้ได้อีก