หนังไซไฟ-สยองขวัญ ผีอวกาศ สั่นประสาทต่างดาว น่ากลัวสุดๆ
ก.ค. 16 2021 Uncategorized netflix ฟรี ข่าววันนี้ ดูซี่รี่ย์ฟรี ดูซี่รี่ย์ใหม่ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ hd ดูหนังออนไลน์ ดูหนัง ดูหนังออนไลน์เต็มเรื่อง ดูหนังใหม่ หนังออนไลน์Dreamcatcher
หนังไซไฟ-สยองขวัญ ดรีมแคทเชอร์ “ล่าฝันมัจจุราช” เป็นหนังสยองขวัญแนววิทยาศาสตร์ จากอเมริกัน ถูกสร้างจากนวนิยายของสตีเฟนคิง เจ้าพ่อนิยายสยองขวัญ โดยเข้าฉายเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2546
*Dreamcatcher มีความหมายว่า เครื่องรางสำหรับจับฝันร้ายอของชนเผ่าอินเดียนแดง แต่เรื่องนี้จะใช้ดักเอเลี่ยนตัววร้าย
เนื้อเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวจะมาล้างโลก ฟังดูแล้วน่าจะเป็นเค้าโครงแบบเดิมๆ แต่สำหรับเรื่องนี้แล้วมีความซับซ้อน แยบยล ชวนให้ติดตามและลุ้นระทึกไปกับตัวละครว่า ตัวประหลาดนั้นคืออะไร แล้วมาทำอะไรที่โลกนี้
บอกเลยว่า ดรีมแคทเชอร์ เรื่องนี้สนุกมากสำหรับคนที่ชอบความลีลับ แบบไม่อลังการ เพราะจะไม่มีฉากแอกชั่นแบบเอเลี่ยนบุกโลก ไม่เน้นความเอฟเฟคตื่นตาตื่นใจ แต่จะให้เราใช้สมองและใจไปกับหนัง
แม้ในตอนแรกจะดูงง หลายคนคิดไม่ทันก็อาจจะบอกว่าบทมั่ว แต่นี้คือความซับซ้อนและหลอกล่อจากผู้เขียน แล้วหักมุมในตอนท้ายเรียกว่าเซอร์ไพรส์คนดู แล้วทำให้เรารู้ว่า มนุษย์นั้นไม่ได้โดดเดี่ยว (อุ๊บ! ไม่สปอยนะจ๊ะ) ดูหนังออนไลน์พากย์ไทย
Sphere
หนังไซไฟ-สยองขวัญ Sphere “มหาภัยสะกดโลก” เป็นภาพยนตร์แนวระทึกขวัญแนวจิตวิทยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ออกฉายเมื่อปี พ.ศ. 2541 หนังเรื่องนี้ได้สร้างจากนวนิยายชื่อเดียวกัน โดยมี 3 นักแสดงนำชื่อดังอย่าง ชารอน สโตน, ดัสติน ฮอฟแมน และซามูเอล แจ็คสัน ประชันบทบาทได้เข้มข้น
Sphere หมายถึงวัตถุวงกลมสุดประหลาดที่ไม่ทราบที่มาและไม่รู้ว่ามันคืออะไร เหล่านักวิชาการต้องมาพิสูจน์และศึกษามัน จนทำให้พวกเขาพบกับความสงน และสะพรึ่งถึงความสามารถสุดขีด แต่จะดีหรือร้ายก็ขึ้นอยู่กับใจมนุษย์
สุดยอดแห่งหนังวิทยาศาสตร์ที่น่ากลัวสุด บอกเลยว่าหนังเรื่องนี้ไม่มีปีศาจ หรือสัตว์ประหลาดจากต่างดาวที่ไหนโผล่มาจะเอ๋ ตุ้งแช่ ให้เราได้ขวัญผวาแบบหนังสยองขวัญทั่วไป แต่จะหลอนเราด้วยปริศนาและสิ่งที่อธิบายได้ กับภาวะกดดันที่ตัวละครต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมปิดใต้ท้องทะเลลึก
Event Horizon (1997)
หนังไซไฟ-สยองขวัญ Event Horizon เป็นหนังสยองขวัญแนววิทยาศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2540 มีชื่อภาษาไทยว่า ยานนรกสุดขอบฟ้า ถ้าพูดถึงหนังไซไฟน่ากลัวสุดสยองขวัญ เราจะพลาดกับหนังเรื่องนี้ไม่ได้
เมื่อทีมกู้ภัยออกตรวจสอบยานอวกาศที่หายไปในหลุมดำ ยาน Event Horizon เคยไปไกลถึงมิติที่เราไม่รู้จัก และตอนนี้ได้กลับมา มันพาบางอย่างออกมาด้วย…
ใครที่ยังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ จะบอกว่านี้เป็นหนังล้ำในเชิงไอเดีย ที่พาเราไปเจอเรื่องประหลาด ตามหาความจริง และหักมุมในตอนท้าย เป็นหนังที่ท้าทายนักดูหนังสยองขวัญอย่างยิ่ง
Pandorum
หนังไซไฟ-สยองขวัญ Pandorum (แพนดอรัม) มีชื่อภาษาไทยว่า “ลอกชีพ” เป็นหนังแนววิทยาศาสตร์และแนวสยองขวัญ สัญชาติอังกฤษ – เยอรมัน และออกฉายเมื่อปี พ.ศ. 2551
หนังเกี่ยวกับการผจญภัยในยานอวกาศและต้องเอาชีวิตรอด ซึ่งสร้างออกมาแล้วสนุกใช้ได้เลยทีเดียว แม้จะไม่สามารถเทียบความคลาสิกอย่าง Aliens ก็ตาม แต่เนื้อเรื่องก็สะกดคนดูได้ อีกทั้งยังมีตอนหักมุมเซอร์ไพรส์คนดูให้ทึ่งไปเลย จนเรียกได้ว่าหนังดีจริงๆ
สำหรับคนรักหนังสยองขวัญไซไฟจะตื่นเต้นและลุ้นระทึกไปกับฝันร้ายบนห้วงอวกาศ ในภารกิจการเดินทางไปดาวดวงใหม่อันไกลโพ้น เพื่อสร้างอาณานิคมแห่งใหม่ให้มนุษย์ แล้วเมื่อ 2 นักบินที่ตื่นจากหลับจำศีลก็เจอกับความน่าสะพรึงกลัวภายในยาน
จุดเด่นของหนังเรื่องนี้ใช้ความกดดันให้อยู่ในที่แคบและมืด แล้วตัวละครมีอาการจิตหลอนว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นเรื่องจริงหรือภาพหลอนที่เกิดผลกระทบจากหลับจำศีล ทำให้หนังเรื่องนี้ดูแล้วลุ้นจนหายใจไม่ทั่วท้องทีเดียว
Apollo 18
Apollo 18 ว่าด้วยเรื่องจริงของภารกิจลับบนยาน Apollo 18 เมื่อปี 1973 จากองค์การ นาซ่า แต่ภายหลังภารกิจนี้ก็ได้ถูกยกเลิกไป หลังจากที่ทีมสำรวจของยาน Apollo เจอรอยเท้าของ “เอเลี่ยน” บนดวงจันทร์ จะเกิดอะไรขึ้นกับนักบินอวกาศกลุ่มนี้ พวกเขาจะรับมือกับสิ่งมีชีวิตนอกโลกนี้อย่างไร และจะสามารถกลับมายังโลกได้หรือไม่ หรือนี้คือเหตุผลที่ทำให้มนุษย์ไม่เคยกลับไปเหยียบดวงจันทร์อีกเลย
เนื้อหาสั้นๆไม่บอกรายละเอียดมากนักซึ่งก็ดีมากๆ เพราะทำให้การเข้าไปชม Apollo 18 เร้าใจและน่าจะอินได้เต็มที่หากคุณรู้จักโครงการอวกาศนี้มาบ้างก็จะทำให้การชมหนังเรื่องนี้สนุกมากพอสมควร
จะด้วยสไตล์ของการถ่ายทำที่กำลังเป็นที่นิยมบวกกับการเดินเรื่องในแนวทางหนังสารคดีที่เน้นภาพสมจริงและดูrealมากๆ ทำให้เหตุการ์ณในหนังดูน่าเชื่อถือมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการนำเรื่องราวการทำงานในอวกาศ การใช้ชีวิตในยานแคบๆ การกินอยู่หลับนอนที่ดูไม่สะดวกสบาย ทำให้เราเห็นภาพการใช้ชีวิตปฎิบัติภารกิจที่ไม่เหมือนภาพฝันที่เด็กๆฝันถึงเหมือนในหนังฮอลลีวู้ด เรื่องอื่นๆ
การตัดสลับไปมาระหว่างภารกิจบนพื้นราบของยาน Liberty และการสื่อสารกันไปมากับ Freedom ยานแม่ที่ลอยอยู่ในวงโคจรรอบดวงจันทร์ภายใต้การบังคับการของกับตัน Ryan Robbins (John Grey) ยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนักบินอวกาศในยานสำรวจ Liberty อย่างผู้การ “Nate” Walker (Lloyd Owen)หัวหน้าปฎิบัติภารกิจครั้งนี้ กับลูกทีมอย่าง “Ben” Anderson (Warren Christie)ค่อยๆพบความผิดปรกติรอบๆตัวมากขึ้นเรื่อยๆ หนังทำให้คนดูค่อยๆถูกกดดันไปพร้อมๆกันกับนักบินทั้งสอง จากการเล่าเรื่องด้วยภาพที่เน้นให้เห็นความผิดปรกติของทุกสิ่งรอบๆมากขึ้นทุกๆนาทีที่ผ่านไป ภาพการถูกกดดันจากเหตุการณ์แปลกๆรอบๆตัว ได้ผลดีกับผู้ชม ดนตรีประกอบก็มีส่วนช่วยสร้างความตื่นเต้นและกดดันมากๆด้้วย ลองคิดเล่นๆว่าคุณอยู่ห่างจากโลกเป็นแสนๆกิโลเมตร อยู่ในอวกาศที่เงียบงัน ถ้าเพียงมีเสียงแปลกๆเกิดขึ้นมันจะสร้างความตื่นตกใจให้เราได้ขนาดไหนและหนังเรื่องนี้ก็ใช้ทุกๆอย่างในสูตรสำเร็จหนังตื่นเต้นเขย่าขวัญเดิมๆ มาทำให้มันได้ผลอีกครั้ง
ผมดูหนังเรื่องนี้ด้วยความเพลิดเพลินดีทีเดียว แม้จะไม่ค่อยชอบหนังที่ใช้การถ่ายทำด้วยภาพเกรนๆ จากกล้อง vdo ตัดสลับไปมาทุกๆนาทีที่ชวนปวดหัวนัก แต่ด้วยการดำเนินเรื่องด้วยความสมจริงของมันนี่เองที่ทำให้หนังดูน่าเชื่อถือและน่าติดตามไปตลอดถึงการเอาตัวรอดของนักบินทั้ง 2 มากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ก็เพราะสูตรก็ยังเป็นสูตรเสมอในหนังเขย่าขวัญสั่นประสาทจากฮอลลีวู้ด เมื่อการค้นพบสัตว์ประหลาดถูกเผยขึ้น ความคุ้นๆกับการเล่าเรื่องในสไตล์นี้ก็เข้ามาคุมโทนและบรรยากาศแทน จะว่าดีก็ได้เพราะทำให้บรรยากาศชวนอึดอัดที่อั้นมาตลอดทั้งเรื่องถูกระบายออกและหนังก็เดินหน้าใส่ไม่ยั้งกับการเล่นเอาล่อเอาเถิดกับคนดูที่ต้องคอยลุ้นกับนักบินทั้งสองว่าจะรอดจากเหตุการณ์เหล่านี้ไปได้ยังไง แต่ลึกๆผมก็รู้สึกเสียดายความสมจริงของหนังที่ปูมาตั้งแต่ต้นไปเหมือนกันกับนักแสดงทั้ง 2 คนในยาน Liberty เล่นได้ดีมากๆ จะเพราะเป็นดาราที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตากันซักคนก็ช่วยสร้างความรู้สึกสมจริงให้กับคนดูเข้าไปอีกและนักแสดงทั้งสองก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี
เช่นเคยผู้ร้ายตัวจริงของหนังในแนวสมคบคิดแบบนี้ก็หาใช่ใครที่ไหนนอกจากมนุษย์ด้วยกันนี้เอง และดูผู้สร้างก็จงใจให้เป็นแบบนั้นด้วย
หากคุณชอบหนังในแนว ไซไฟเขย่าขวัญสั่นประสาท ยิ่งได้พื้นฐานความสมจริงในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่มนุษย์ชาติทั้งโลกรู้จักกันดีบวกเข้าไปอีก กับการถ่ายทำที่ดูขึงขังในลักษณะสารคดี ก็ช่วยให้เวลา แค่ 1ชั่วโมงเศษๆของหนังดูสั้นกระชับกำลังดีกับโครงเรื่องทั้งหมดครับ
เป็นหนังที่ดูสนุกใช้ได้ แม้จะไม่แปลกใหม่ล้ำยุค กับการนำเสนอทั้งแนวคิด และภาพในลักษณะนี้ เพราะมีต้นแบบอย่าง หนัง Cloverfield หนังสัตว์ประหลาดบุกนิวยอร์ก เมื่อ หลายปีก่อนเคยทำไว้ จำได้ว่าดูหนังเรื่องนั้นปวดหัวกว่ามากเพราะภาพมันหมุนกันทั้งเรื่อง อ่านจากเว็บไซต์เมืองนอกผู้สร้างหนังเรื่องนี้จงใจเร่งสร้างและเร่งฉายตัดหน้าหนังอีกเรื่องที่มีแนวทางการสร้างคล้ายไกันอย่าง Area 51 ที่กำลังจะออกฉายในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว ชื่อนี้กับทฤษฎีสมคบคิดก็ดูจะคุ้นๆกันพอควร
ใครกำลังอยากได้อะไรที่ตื่นเต้นชวนขนลุก หรือเบื่อๆกับหนังเขย่าขวัญที่เดินตารอยตัวเองไม่เลิกอย่างซี่รีย์ The Final Destination ที่ยังฉายกันอยู่ การไปชมหนังเรื่องนี้พอช่วยคุณๆได้ครับ
*** อ่ออันนี้สังเกตุเอง ปีนี้ฮอลลีวู้ดต้องมีอะไรกับดวงจันทร์ๆแน่เลยเรา ถึงมีหนังสร้างเกี่ยวกับดวงจันทร์ในซัมเมอร์ถึงสองเรื่อง เรื่องแรก Tranformer 3และก็เรื่องนี้
The Invasion
ผู้กำกับ: Oliver Hirschbiegel, เจมส์ แมคเทก
บ็อกซ์ออฟฟิศ: 40.2 ล้าน USD
งบประมาณ: 50 ล้าน USD
บริษัทที่ผลิต: วอร์เนอร์บราเธอส์, Village Roadshow Pictures, Silver Pictures, Vertigo Entertainment
สปอยหนังโดย : สอง สตูดิโอ
เรื่องย่อ
ยานอวกาศที่ตกลงมาอย่างลึกลับนำไปสู่การค้นพบที่น่ากลัว ด้วยการมาเยือนจากต่างดาวพร้อมกับซากชิ้นส่วน ใครก็ตามที่ได้สัมผัสมันจะเปลี่ยนไปในทางเลวร้ายอย่างที่อธิบายไม่ได้ ไม่นานนักจิตแพทย์สาวแห่งวอชิงตัน ดี.ซี. แครอล เบนเนล (นิโคล คิดแมน) และเพื่อนร่วมงาน เบน ดริสโคล (แดเนียล เคร็ก) ก็ได้เรียนรู้ความเป็นจริงที่น่าช็อคเกี่ยวกับเชื้อโรคจากต่างดาว มันจะจู่โจมเหยื่อในช่วงเวลาที่พวกเขานอนหลับ โดยที่ร่างกายภายนอกไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่กลับไร้ความรู้สึกและไม่มีความเป็นมนุษย์ไปได้อย่างแปลกประหลาด ในขณะที่การติดเชื้อระบาดไปทั่ว ผู้คนมากมายต่างเปลี่ยนไปและไม่มีทางที่จะบอกได้ว่าใครคือคนที่เชื่อใจได้ ถึงเวลานี้แครอลได้แต่หวังว่าเธอจะตื่นอยู่ได้นานพอจนกว่าจะเจอลูกชายตัวน้อย ซึ่งอาจรู้ความลับที่จะหยุดยั้งการบุกรุกแสนร้ายกาจนี้