การสังเกตและจดจำใน งานนักสืบ นักสืบต้องเป็นคนช่างสังเกตจดจำ
ก.พ. 08 2022 Uncategorized งาน นักสืบ นักสืบ มือ อาชีพ นักสืบ ราคา ถูก นักสืบ ออนไลน์ นักสืบเอกชน หา นักสืบต้องช่างสังเกต ในการปฏิบัติ งานนักสืบ นั้น บ่อยครั้งที่นักสืบจะต้องไปทำงานในสถานที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน หรือต้องติดตามสะกดรอยเป้าหมายที่นักสืบไม่เคยพบตัวจริงมาก่อน เห็นภาพแต่ในรูปถ่าย ซึ่งคนบางคนดูในรูปถ่ายแล้วไม่ค่อยเหมือนกับตัวจริง และที่หนักที่สุดคือเป้าหมายนั้นบุคคลที่มีหมายจับ หรือหลบหนีการจับกุม ภาพถ่ายเป้าหมายที่นักสืบได้รับมานั้นไม่เป็นปัจจุบัน และเป้าหมายอาจมีการพรางตัวด้วยการปรับเปลี่ยนบุคลิก ทรงผม ลักษณะการแต่งกาย รูปร่าง และอาจมีการทำศัลยกรรมใบหน้า
หรืออาจมีการใช้เอกสารปลอมด้วย (เช่น บัตรประจำตัวประชาชนปลอม หรือบางครั้งมีการใช้บัตรประจำตัวประชาชนจริงแต่เป็นของคนอื่น ด้วยการอ้างว่าตนเป็นบุคคลนั้น) นักสืบจึงต้องใช้ทักษะในการสังเกตจดจำลักษณะ โดยรวมของเป้าหมาย เช่น ท่าทางการเดิน สำเนียงการพูด หรือลักษณะพิเศษเฉาะตัวของเป้าหมาย เพราะบางทีนักสืบสามารถติดตามตัวเป้าหมายพบแล้ว แต่เป้าหมายกลับอ้างว่าเป็นบุคคลอื่น ซึ่งนักสืบจะต้องหาวิธีพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าบุคคลนั้นกับเป้าหมาย เป็นบุคคลคนเดียวกันจริง เช่น การตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือ
แต่ที่ง่ายที่สุดคือการพิสูจน์จากบุคคลใกล้ชิด หรือญาติพี่น้องของเป้าหมายนั่นเอง ซึ่งวิธีการเหล่านี้จะได้ผลก็ต้องใช้ไหวพริบปฏิภาณ ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของนักสืบแต่ละคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสอนกันได้ แต่ถ้านักสืบคนไหนที่ผ่านงานสืบสวนด้านนี้มามากจะได้เปรียบนักสืบที่มี ประสบการณ์น้อย จะเห็นได้ว่าการเป็นคนช่างสังเกตจดจำ และไหวพริบปฏิภาณที่ดีของนักสืบ จะช่วยทำให้นักสืบสามารถปฏิบัติงานได้ประสบผลสำเร็จ
การแสวงหาความรู้ในงานนักสืบ นักสืบที่ดีต้องมีการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ
ต้องมีการศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ ด้วยสภาพเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม วิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป ตลอดจนความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี่ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้นักสืบจะต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ เพราะเทคนิค วิธีการ สืบสวนและเทคโนโลยี่ที่ใช้ในการสืบสวนแบบเดิมๆ ที่เคยใช้ได้ผลเป็นอย่างดีในอดีตอาจจะใช้ไม่ได้ผลกับสถานการณ์ในปัจจุบัน นักสืบจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีคิด เทคนิคและวิธีการในการสืบสวนใหม่อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการสืบสวน
นักสืบจะต้องรู้จักศึกษาหาอุปกรณ์ช่วยในการสืบสวนใหม่ๆ ที่ออกมาช่วยในการสืบสวนด้วย เช่น นักสืบในสมัยก่อน จะรู้จักแต่การเฝ้าจุด การซุ่มโป่ง ไม่รู้ภาษาอังกฤษ ไม่มีความรู้ในการใช้งานคอมพิวเตอร์ ไม่รู้จักอินเตอร์เนต ไม่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยช่วยในการสืบสวน ไม่มีความรู้ในการทำธุรกรรมด้านการเงิน ไม่รู้จักใช้ประโยชน์จากการสื่อสาร ถามว่านักสืบรุ่นเก่าเหล่านี้สามารถทำงานสืบสวนให้บรรลุเป้าหมายได้หรือไม่ คำตอบคือได้ (ถ้าเป็นยุคสมัยนั้น) แต่ไม่เหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งสังคมมีความสับสนวุ่นวายกว่าในอดีตมาก
ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตด้วยความเร่งรีบ ไม่ค่อยมีใครมีเวลามาสนใจใคร นักสืบจึงต้องการความรู้และวิทยาการใหม่ๆ มาใช้เพื่อประโยชน์ในงานสืบสวนด้วย นอกจากนี้นักสืบยังต้องศึกษาหาความรู้จากประสบการณ์ทำงานของนักสืบคนอื่น ด้วย เพราะนักสืบแต่ละคนมีประสบการณ์ทำงานที่ไม่เหมือนกัน มีเทคนิควิธีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน นักสืบบางคนมีวิธีการทำงานในแบบที่เราคาดไม่ถึง แต่เราสามารถนำมาเป็นแบบอย่างในการทำงานบางเรื่องได้ และที่สำคัญการเรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่นย่อมดีกว่าการเรียนรู้จาก การผิดพลาดของตัวเอง เพราะในงานของนักสืบนั้น งานบางอย่างไม่อนุญาตให้ผิดพลาด ถ้าผิดพลาดอาจหมายถึงอันตรายแก่ตัวนักสืบและทีมงานได้ นักสืบจึงไม่สามารถที่จะหยุดการศึกษาหาความรู้ได้เลย
การวางแผนปฏิบัติการในงานนักสืบ นักสืบต้องเป็นนักวางแผนที่ดี
ต้องมีการวางแผนการทำงานที่ดี ในการทำงานของนักสืบนั้นก่อนที่จะเริ่มลงมือปฏิบัติภารกิจอะไร ต้องมีการประชุมวางแผนการทำงานก่อนทุกครั้งเสมอ โดยก่อนการประชุมจะต้องมีการหาข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย และสถานที่ที่ต้องไปทำงานให้ได้มากที่สุด ต้องมีการแจ้งให้นักสืบในทีมแต่ละคนทราบว่า ใครมีหน้าที่ทำอะไร อย่างไร ที่ไหน เมื่อไร
และถ้าทำตามแผนการดังกล่าวแล้วเกิดความผิดพลาด มีแผนสำรองหรือไม่จะให้ปฏิบัติอย่างไรต่อไป เช่น นักสืบได้รับการว่าจ้างให้สะกดรอยติดตามเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของเป้าหมาย นักสืบก็จะต้องหาข้อมูลของเป้าหมายที่จะติดตามให้ได้มากที่สุด เช่น มีภาพถ่ายเป้าหมายหรือไม่(ถ้าจะให้ดีให้ผู้ว่าจ้างพาไปแอบดูตัวเป้าหมายก่อน ทำงาน ในกรณีที่ภาพถ่ายกับตัวจริงแตกต่างกันมาก) เป้าหมายมีกิจวัตรประจำวันอย่างไร ใช้ยานพาหนะอะไร เส้นทางที่ใช้เป็นประจำ ใช้ทางด่วนหรือไม่ เพื่อนำมาประกอบในการวางแผนการทำงานของนักสืบ เช่น จะใช้คนติดตามกี่คน ใช้รถยนต์อะไรบ้าง หรือในระหว่างที่ตามเป้าหมายไปถ้าผิดพลาด หลงกับเป้าหมาย จะต้องไปดักรอเป้าหมายที่ไหน ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานี้จะช่วยให้การสืบสวนของนักสืบง่ายขึ้น มีโอกาสในการประสพผลสำเร็จสูงมากขึ้นด้วย
ขั้นตอนการปฏิบัติงานนักสืบ นักสืบควรมีลำดับขั้นตอนในการทำงาน
ต้องมีการเรียงลำดับขั้นตอนการทำงาน เมื่อนักสืบรับงานมาจากผู้ว่าจ้างแล้วควรศึกษารายละเอียดของงานนั้นให้ดี แล้วมีการกำหนดลำดับขั้นตอนในการทำงาน เพื่อจะได้ไม่เกิดความสับสน และควรเริ่มต้นสืบจากวิธีการที่ง่ายก่อน ถ้ายังไม่บรรลุผลสำเร็จ แล้วจึงค่อยทำตามวิธีการที่ยากขึ้นไปอีก เป็นลำดับไปเช่นนี้ เพราะบางครั้งวิธีการสืบสวนที่ง่ายก็สามารถนำความสำเร็จมาสู่งานนั้นๆ ได้ ซึ่งทำให้สามารถประหยัดได้ทั้งทรัพยากรและระยะเวลาที่ใช้ในการสืบสวน เพราะบางครั้งวิธีการสืบสวนที่ยากๆ ก็ไม่สามารถทำให้งานประสบผลสำเร็จได้ นักสืบที่เริ่มทำตามวิธีที่ยากก่อนแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ ก็อาจเกิดความท้อถอย จนไม่ได้ลองใช้วิธีการที่ง่ายกว่า จึงทำให้งานไม่ประสบความสำเร็จได้
สุขภาพร่างกายกับงานนักสืบ นักสืบต้องมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
ต้องมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ตามปกติแล้วชีวิตการงานของนักสืบจะไม่ค่อยเหมือนชีวิตคนปกติทั่วไป ที่ตื่นเช้ามาเดินทางออกจากบ้านพักเพื่อไปทำงาน หลังจากนั้นตอนเย็นเลิกงานเดินทางกลับมาพักผ่อนที่บ้าน แต่งานของนักสืบเป้นงานที่ไม่มีเวลาตายตัว บางครั้งต้องทำงานติดต่อกันทั้งกลางวันและกลางคืน และอาจต้องเดินทางไกลเป็นประจำ ทำให้เวลาพักผ่อนน้อยไม่เหมือนคนปกติทั่วไป ดังนั้นนักสืบจึงต้องควรระมัดระวังในการรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่ เสมอ ไม่ปล่อยให้ร่างกายเสื่อมสภาพไปเรื่อยๆ
ตามกาลเวลา เพราะนักสืบที่มีปัญหาด้านสุขภาพนั้น จะมีปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่เป็นนักสืบภาคสนาม ทำให้ทำงานได้ไม่เต็มความสามารถอันเป็นผลมาจากปัญหาด้านสุขภาพนั่นเอง งานที่ได้รับมอบหมายก็มีโอกาสไม่ประสบความสำเร็จสูงด้วย นักสืบจึงต้องมีร่างกายที่แข็งแรง สามารถที่จะปฏิบัติภารกิจได้ตลอดเวลา จึงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นักสืบต้องหมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยในงานสืบสวนให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้อยู่เสมอ
ทุกคนย่อมต้องมีเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ช่วยในงานสืบสวนอยู่แล้ว คงจะไม่มีนักสืบคนใดทำงานประสบความสำเร็จได้โดยปราศจาก เครื่องมือ หรืออุปกรณ์เหล่านี้ ดังนั้นการตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ หรือแม้แต่ยานพาหนะให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งานได้เสมอจึงเป็นเรื่องที่ สำคัญอย่างมาก และควรมีการฝึกฝนเรียนรู้วิธีการใช้อุปกรณ์เหล่านั้นให้ละเอียดรอบคอบ
สามารถที่จะใช้อุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง คล่องแคล่วว่องไว เพราะในสถานการณ์จริงบางทีนักสืบมีเวลาเพียงน้อยนิดในการเก็บรวมรวมพยานหลัก ฐานนั้นๆ ถ้าอุปกรณ์เครื่องใช้ไม่อยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งาน หรือนักสืบไม่มีความรู้ความชำนาญในการใช้เครื่องมือเหล่านั้น อาจทำให้นักสืบพลาดโอกาสสำคัญในการเก็บพยานหลักฐานนั้นไปเลยก็ได้ เพราะโอกาสดีๆ อาจมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีโอกาสแก้ตัวอีก นักสืบจึงต้องให้ความสำคัญกับอุปกรณ์เหล่านี้ด้วย เพราะเหตุเล็กๆน้อยๆ เหล่านี้อาจเป็นสาเหตุทำให้ภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาของนักสืบล้มเหลวได้
คุณค่าของนักสืบ
มีคุณค่าในตัวเอง อาชีพของนักสืบ ก็เหมือนกับอาชีพของผู้ชำนาญการของแต่ละวิชาชีพ คือเมื่อนักสืบมีประสบการณ์ทำงานที่มากขึ้น ก็จะมีความสามารถมากขึ้นตามไปด้วย ยิ่งถ้านักสืบคนใดเคยผ่านงานที่หลากหลายและเป็นงานที่สลับซับซ้อนด้วยแล้ว ก็ถือว่าเป็นผู้ชำนาญด้านงานสืบสวน เพราะประสบการณ์บางอย่างเป็นสิ่งที่นักสืบสั่งสอนหรือถ่ายทอดต่อให้นักสืบ รุ่นหลังไม่ได้ แต่จะต้องเกิดจากทักษะการทำงานด้วยตัวเองของนักสืบ ดังนั้นนักสืบที่ดีจะต้องทำงานให้มาก ซึ่งจะช่วยฝึกทักษะการเป็นนักสืบที่มีความรู้ความสามารถมากขึ้นได้
งานของนักสืบคืออะไร
คือการแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อให้ในการพิสูจน์สุมมุติฐานในเรื่องนั้นว่าจริง หรือไม่ ถ้าจะพูดง่ายๆ ก็คือการค้นหาความลับที่มีผู้ต้องการปกปิด ซ่อนเร้นไว้ว่ามันคืออะไรนั่นเอง ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้ว อาชีพนักสืบถือว่าเป็นอาชีพที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่ว่านักสืบในยุคสมัยใด ก็ล้วนแต่มีจุดมุ่งหมายอย่างเดียวกัน นั่นคือการพิสูจน์หาความจริงนั่นเอง โดยการใช้ทักษะ เทคนิค ความสามารถเฉพาะตัวของนักสืบ ในการทำให้ความจริงปรากฏขึ้น ซึ่งในสมัยก่อนจะเน้นไปที่การสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดกำหมายมาลงโทษ แต่ในปัจจุบันเมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไป มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ในภาคธุรกิจเอกชนต้องการข่าวสารที่เป็นจริงมากขึ้น จึงเกิดมีนักสืบเอกชนขึ้นเพื่อสนองตอบความต้องการของสังคม ซึ่งถือเป็นวิวัฒนาการของนักสืบ
นักสืบมีความจำเป็นอย่างไร
เกิดมาจากการที่มีผู้ปกปิดข้อมูลเป็นความลับ ไม่ต้องการให้ความลับของตนเองเปิดเผยไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่มีบุคคลอื่นต้องการที่จะทราบความลับนั้น และไม่สามารถที่จะแสวงหาข้อมูลอันเป็นความลับนั้นได้ด้วยตัวเอง จึงต้องมีการใช้นักสืบซึ่งมีเทคนิค วิธีการเฉพาะในการแสวงหาข้อเท็จจริงนั้น เพื่อนำมาเปิดเผยให้ผู้ที่ต้องการรู้ความลับนั้นทราบ ถ้าเป็นสังคมในอุดมคติ ที่ไม่มีการโกหก ไม่มีความลับ ไม่มีการทำผิดกฎหมาย หรือกฎข้อบังคับของสังคม ถ้าใครทำผิดพลาดก็ออกมายอมรับว่าตัวเองเป็นคนทำผิดพลาดเอง ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีนักสืบ แต่ในโลกของความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ซึ่งสังคมมีแต่ความลับ การซ่อนเร้น การปกปิดอำพราง และมีแนวโน้มที่จะมีเรื่องพวกนี้มากขึ้นในอนาคต จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีนักสืบ และต่อไปในอนาคตความสำคัญ และความจำเป็นที่จะต้องมีอยู่ของนักสืบก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคุณสมบัติของนักสืบที่ดี ที่นักสืบของบริษัท สกายอินเตอร์เนชั่นแนลลีกัลจำกัด ยึดถือเป็นแบบอย่างและปฏิบัติตามแนวทางนี้มาโดยตลอดอย่างเคร่งครัด เพื่อการให้บริการที่มีคุณภาพแก่ทุกคน
นักสืบต้องมีความกล้าในการตัดสินใจที่จะดำเนินการหรือไม่ดำเนินการสิ่งใด
ที่ดีจะต้องมีการวิเคราะห์และประเมินเหตุการณ์อย่างรอบคอบ ต้องไม่ใจร้อน การเร่งรีบเกินไปในการปฏิบัติภารกิจ การสะกดรอยติดตามเป้าหมายอย่างกระชั้นชิดเกินไป ก็อาจทำให้เป้าหมายรู้ตัว อันเป็นผลให้ภารกิจล้มเหลว ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นกับตัวนักสืบเองหรือผู้ว่าจ้างก็เป็นได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ย่อมทำให้นักสืบคนนั้นก็ไม่สามารถปฏิบัติภารกิจเดิมได้อีก ต้องเปลี่ยนตัวนักสืบ ซึ่งนักสืบคนใหม่ที่เข้ามาทำงานแทนก็จะทำงานได้ยากกว่าเดิม เพราะเป้าหมายจะต้องระวังตัวเพิ่มมากขึ้น ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่เป้าหมายมีหมายจับ
หรือมีความผิดติดตัว ก็จะทำให้เป้าหมายหาสถานที่หลบซ่อนตัวใหม่ เป็นผลให้ทีมงานนักสืบก็ต้องมาเริ่มต้นใหม่ในการสืบหาตัวเป้าหมายอีก นักสืบต้องไม่ใจเย็นเกินไป เพราะการที่ทำอะไรชักช้าเกินไป เฝ้ารอดูการเคลื่อนไหวของเป้าหมายอยู่แต่ภายนอกอย่างเดียวก็อาจทำให้ภารกิจล้ม เหลวได้ เช่น นักสืบได้สะกดรอยตามเป้าหมายไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง แล้วเฝ้ารอดูอยู่แต่ด้านนอกเพราะกลัวเป้าหมายจะรู้ตัวว่าถูกติดตาม โดยไม่พยายามที่จะเข้าไปสำรวจสถานที่นั้น ทำให้ไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนั้นยังมีทางออกทางอื่นอีก
ซึ่งอาจทำให้คลาดกับเป้าหมายได้ถ้าเป้าหมายออกไปอีกทางหนึ่ง หรือการติดตามเป้าหมายโดยการเฝ้าติดตามยานพาหนะของเป้าหมาย โดยคิดแต่เพียงว่าถ้ารถคันนี้เคลื่อนตัวออกไป จะต้องเป็นเป้าหมายที่เป็นคนใช้รถคันนี้อย่างแน่นอน โดยไม่พยายามเข้าไปตรวจสอบดูว่าใครเป็นผู้ที่ใช้รถคันนี้กันแน่ โดยการตามไปห่างๆ หรือการรอดูแต่สัญญาณจากเครื่องมือที่ติดไว้ที่รถเป้าหมาย กว่าจะรูตัวว่าสะกดรอยตามผิดคน แล้วนักสืบย้อนกลับมาหาเป้าหมายยังสถานที่เดิมอีกที่ ก็อาจหาเป้าหมายไม่พบแล้ว ภารกิจก็ล้มเหลว นักสืบที่ดีจึงควรมีการคิดวิเคราะห์ และตัดสินใจเฉพาะหน้าในเหตุการณ์นั้นๆ ได้ดีด้วย จึงจะทำให้สามารถบรรลุภารกิจได้ดี
การรอคอยในงานนักสืบ การรอคอยเป็นสิ่งที่ดี แต่นักสืบไม่ควรรอคอยนานเกินไป
ที่ดีต้องมีความอดทน ความอดทนเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่นักสืบถูกสอนมาตลอดจากนักสืบรุ่นเก่าๆ ให้อดทนรอคอย แต่การรอคอยนั้นควรมีการกำหนดระยะเวลาด้วย คือถ้าเห็นว่าเหตุการณ์ดูเงียบเกินไป หรือระยะเวลาในการเฝ้ารอเป้าหมายนานเกินไปแล้ว เป้าหมายไม่เคลื่อนไหวเลย นักสืบจะต้องรายงานให้หัวหน้าทีมสืบสวนทราบ เพื่อหาทางตรวจสอบให้ได้ว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นกับเป้าหมายหรือไม่ หรือว่าเป้าหมายยังคงอยู่ในห้องพักตัวเองหรือไม่ หรือว่าเป้าหมายได้หลบหนีออกไปโดยวิธีใดวิธีหนึ่งที่นักสืบตรวจสอบไม่พบแล้ว ก็เป็นได้ อีกทั้งการที่นักสืบอยู่เฝ้าเป้าหมายในสถานที่เดิมเป็นเวลานานๆ ก็จะเป็นที่สังเกตของคนทั่วไปได้ง่าย ดังนั้นนักสืบที่ดีควรต้องมีการตรวจสอบเป้าหมายเป็นระยะตามสมควร ไม่ใช่การอดทนรอเวลาแต่เพียงอย่างเดียว เพราะเป้าหมายก็เป็นคนเหมือนกับเรา มีไหวพริบปฏิภาณเหมือนกันกับนักสืบ ย่อมสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติได้อย่างแน่นอน
ความจริงกับ งานนักสืบ นักสืบต้องพูดความจริง
ต้องพูดความจริง การพูดความจริงเป็นคุณสมบัติอีกข้อที่สำคัญยิ่งในการเป็นนักสืบ ในการปฏิบัติงานสืบสวนนั้นต้องมีการทำงานเป็นทีม ดังนั้นภายในทีมงานนักสืบแต่ละคนจะต้องไม่มีการโกหกกัน ต้องพูดความจริงกัน ถ้าโกหก หรือกล่าวเท็จต่อกันแล้วจะทำให้ภารกิจล้มเหลว หรืออาจเกิดอันตรายขึ้นกับตัวนักสืบได้ เช่น นักสืบทีมหนึ่งได้รับมอบหมายภารกิจให้ไปฝ้าสะกดรอยตามเป้าหมายยังสถานที่แห่งหนึ่ง หัวหน้าทีมนักสืบ ได้ทำการสำรวจสถานที่แล้ว มีการวางแผน มอบหมายงานให้นักสืบแต่ละคนเฝ้าเส้นทางเข้าออกของเป้าหมายเป็นอย่างดี แต่มีนักสืบคนหนึ่งในทีมที่ได้รับมอบหมายให้เฝ้าเส้นทางหนึ่งนั้น มีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปทำธุระส่วนตัวที่อื่นสักพัก แต่ไม่แจ้งให้หัวหน้าทีมนักสืบทราบ เพื่อจะได้ส่งนักสืบคนอื่นให้มาเฝ้าเส้นทางนั้นแทน แต่ได้รีบไปทำธุระส่วนตัวแล้วรีบกลับมาโดยไม่แจ้งให้ทีมงานทราบ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เป้าหมายได้หลบหนีออกไปตามเส้นทางนั้น เมื่อเวลาผ่านไปนานจนผิดปกติแล้ว หัวหน้าทีมนักสืบได้ตรวจสอบกับนักสืบทุกคน ต่างยืนยันว่าได้เฝ้าเป้าหมายอยู่ตลอดเวลายังไม่เห็นเป้าหมายออกไปเลย กว่าที่ทีมงานจะหาวิธีเข้าไปตรวจสอบภายในที่พักดังกล่าว เป้าหมายก็เดินทางไปไกลแล้ว ทำให้ภารกิจล้มเหลว ซึ่งในกรณีนี้ถ้านักสืบคนนั้นพูดความจริง ก็จะไม่เกิดเรื่องอย่างนี้แน่นอน ภารกิจคงสำเร็จลุล่วงไปแล้ว การเป็นนักสืบ
การสืบ หาหลักฐานในเชิงลึก เกี่ยวกับสามีภรรยาไปมีกิ๊กจนต้องทำบางสิ่ง
ก.พ. 07 2022 Uncategorized งาน นักสืบ นักสืบ มือ อาชีพ นักสืบ ราคา ถูก นักสืบ ออนไลน์ นักสืบเอกชน หา นักสืบการสืบ หาหลักฐานในเชิงลึก เกี่ยวกับ สามีภรรยา ไปมีกิ๊กจนต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อจะยุติในเรื่องครอบครัว การหาหลักฐานนั้นเป็น ภาพนิ่ง วิดีโอ อื่นๆเพื่อยื่นฟ้องชู้ ฟ้องหย่า ลักษณะไปอยู่ หรือ เข้าโรงแรม รีสอร์ท อพาร์ทเมนท์ กินอยู่กันแบบเปิดเผย หรือไม่เปิดเผยแสดงถึงการมีกิ๊กของคนสองคน การทำงานเรามีดุลพินิจในการรับจ้างสืบว่าเราควร ทำอย่างไรแบบไหน เพื้อที่จะปลอดภัยมนการสืบ อย่าเร่งนักสืบ อย่าพยายามโทรจิกนักสืบตลอดเวลา ให้เวลาเราได้ทำงานเต็มที่ คุ้มค่าราคาเงินจ้าง
เวลาในการสืบนั้นเน้นไม่เกิน 1 เดือน เพราะเราไม่แน่ชัดเลยว่าการสืบนั้นจะราบรื้น หรือมีอุปสรรคใดบ้าง เราต้องช่วยกันปกปิดความลับให้เราด้วยเดี๋ยวเป้าหมายรู้เข้าพวกเราจะทำงานลำบาก เราต้องช่วยกัน ส่งสิกให้ผู้ประสานทราบได้ยิ่งดี การทำงานจะได้เร็วขึ้นอีกหลายเปอร์เซ็นต์ ราคา ตามที่ตกลงและพอใจทั้งสองฝ่าย ทำงานใช้เวลาประมาณ 10-30วัน ทำการ แล้วแต่ความยากง่าย
หลักฐานที่ได้ในการ เป็น ภาพนิ่ง วิดีโอ อื่นๆ ตามที่ทางผู้จ้างแจ้งมา
หลักฐานพวกนี้เอาไปทำอะไรได้บ้าง?
1.เอาไปฟ้องชู้
2.เอาไปฟ้องหย่า
3.เอาไปร้องเรียนผู้บังคับบัญชา
4.ต่อรอง
การแยกมือที่สาม
คือ การสร้างสถาการณ์ ให้แตกคอกันโดยทีมแยกเข้าไปปฏิสัมพันธ์ โดยวิธีการหนึ่งวิธีการใด อาจจะใช้ทีมแยกมากกว่า 3-4 คนในการเข้าพบปะพูดคุยกับเป้าหมาย และต้องหาวิธีเข้าในขั้นตอนนี้ต้องใช้การตามดูพฤติกรรมไปพร้อมกัน จะได้รู้การเคลือนไหวและจะได้เข้าทางได้ง่ายขี้ การทำแยกมือที่สามนั้นทำอยู่ทั้งหมด 5 สเตป เริ่มตั้งแต่ง่ายไปหายาก และจนกว่าจะกันจนเข้าทางแล้วค่อยๆแทรกเป็นระยะ จะไม่มีผลกระทบต่อผู้ว่าจ้างใดๆเลยเราเอง ใช้เวลาในการทำ1-6 เดือน ไม่มีผลกระทบ ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องทะเลาะกัน เดี๋ยวทีมแยกจัดให้ชุดใหญ่ตามสเตป 5 สเตป โดยไม่กระทบต่อผู้จ้าง ราคา ตามที่ตกลงกันพอใจทั้งสองฝ่าย เรากล้าเปิดเผยราคาในการว่าจ้างทำงานสํานักงานนักสืบ
รับปรึกษาได้ว่าจะให้สืบเรื่องอะไร ทำทุกที่ในประเทศไทย ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคตะวันออก สืบทุกประเภท
สืบทรัพย์สิน
คือ การสืบหาทรัพย์สินของบุคคลเป้าหมายที่ต้องการทราบว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้าง สังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ
การสืบคนหาย
ที่มีการใช้โทรศัพท์ติดต่อกันได้แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน พิกัดไหน ในโลกนี้
สืบทุจริต
คือ การสืบการทุจริตของพนักงานทั่วไป ทุกระดับชั้น ทั้งภาครัฐ และเอกชน หาหลักฐานเป็นภาพถ่ายเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไปตามที่ผู้ว่าจ้างต้องการ
สืบคู่แข่งทางการค้าละเมิดลิขสิทธิ์
คือ การสืบเสาะแสวงหา แหล่ง ที่มา ผลิต ดัดแปลง แก้ไข ละเมิดสินค้าผู้อื่นโดยใช้ตราของผู้อื่น
สืบพิกัดมือถือ
คือ การหาหพิกัดมือถือที่เปิดอยู่ว่าอยู่พิกัดใด เช็คมือถือย้อนหลังคือ การเช็คย้อนหลัง ระบบเติมเงิน ได้ 1 เดือน ระบบรายเดือน ได้ 3 เดือน พิจารณาเป็นรายๆไป
สืบหารถหาย
คือ รถหายลักษณะเหมือนการหนีไฟแนนท์ ยืมกันไปใช้ ยืมขับ แล้วหายไป หรือ ผู้ซื้อไม่ได้ขับผู้ขับไม่ได้ซื้อ มีที่มาที่ไป เอาไปใช้ประมาณนี้ มีตัวตน (รถที่หายโดยการขโมยไม่รับครับ)
สืบหาหลักฐานในเชิงลึก
คือ การหาพยาน ปากเอก พยานบุคคล พยานเอสาร พยานอ้างอิงที่ใช้ในชั้นศาลที่ได้มาแล้วไม่พอในการฟ้องดำเนินคดีทั้งการโทรเข้า-ออก ของมือถือ ทรัพย์สิน อื่นๆ
ข้อมูลเงินเดือน สำหรับนักสืบและนักสืบเอกชน
นักสืบและนักสืบเอกชนได้รับเงินเดือนประจำปีเฉลี่ยอยู่ที่ $ 48,190 ใน 2016 ตามที่สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ ในระดับต่ำสุดนักสืบเอกชนและผู้ตรวจสอบได้รับเงินเดือนเปอร์เซ็นต์ 25th ที่ $ 35,710 ซึ่งหมายถึงเปอร์เซ็นต์ 75 ที่ได้รับมากกว่าจำนวนนี้ เงินเดือนเปอร์เซ็นไทล์ที่ 75th คือ $ 66,300 ซึ่งหมายถึงเปอร์เซ็นต์ 25 ที่ได้รับมากขึ้น ใน 2016 คน 41,400 ถูกจ้างงานในสหรัฐอเมริกาในฐานะนักสืบและนักสืบเอกชน
งาน Outlook
ผ่าน 2020 นั้น BLS คาดว่าจะมีการสร้างงานใหม่ 3,500 ขึ้นสำหรับนักสืบตำรวจและงานใหม่ 7,100 ที่จะสร้างขึ้นสำหรับนักสืบเอกชน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถคาดหวังการแข่งขันจากเพื่อนเจ้าหน้าที่ที่ปรารถนาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นตำแหน่งนักสืบที่ จำกัด นักสืบเอกชนที่ต้องการควรคาดหวังการแข่งขันสำหรับงานโดยเฉพาะจากอดีตตำรวจและบุคลากรทางทหารซึ่งมักได้รับการพิจารณาที่ดีสำหรับตำแหน่งนักสืบเอกชน
รูปแบบการจ่ายภูมิภาค
โดยทั่วไปแล้วตำรวจนักสืบที่ทำงานในตะวันตกและตะวันออกเฉียงเหนือมีแนวโน้มที่จะได้รับเงินมากที่สุดในขณะที่ผู้ที่อยู่ในตะวันออกเฉียงใต้ได้รับค่าตอบแทนต่ำที่สุด ทั่วประเทศค่าเฉลี่ยสำหรับนักสืบตำรวจอยู่ในระดับต่ำจาก $ 49,530 ในอาร์คันซอถึงระดับสูงของ $ 115,230 ใน District of Columbia ในขณะที่ค่าจ้างเฉลี่ยของนักสืบเอกชนไม่เป็นไปตามรูปแบบของภูมิภาคที่ชัดเจน รัฐที่มีค่าตอบแทนต่ำที่สุดคือเซาท์ดาโกตาซึ่งนักสืบเอกชนมีค่าเฉลี่ย $ 33,720 ต่อปี นักสืบเอกชนในรัฐวอชิงตันได้รับมากที่สุดโดยเฉลี่ย $ 70,510
รายได้นักสืบ นักสืบเอกชน
นักสืบเอกชนให้บริการที่หลากหลายแก่ธุรกิจและลูกค้าเช่นการพยายามค้นหาบุคคลที่หายไปการสืบสวนการละเมิดกฎหรือทำการตรวจสอบการเฝ้าระวังและการตรวจสอบประวัติ จากข้อมูลของ BLS ณ เดือนพฤษภาคม 2012 เงินเดือนเฉลี่ยของนักสืบเอกชนคือ $ 50,780 ซึ่งน้อยกว่าเงินเดือนโดยเฉลี่ยของนักสืบตำรวจ ประมาณครึ่งหนึ่งทำงานให้กับ บริษัท ตรวจสอบและรักษาความปลอดภัยเอกชนโดยมีรายรับเฉลี่ย $ 46,700 ต่อปี บริษัท ในอุตสาหกรรมบางแห่งใช้นักสืบส่วนตัวของตนเองและจ่ายให้เฉลี่ยสูงกว่า $ 70,000 ต่อปี อุตสาหกรรมเหล่านี้รวมถึงบริการให้คำปรึกษา บริษัท พลังงานไฟฟ้าและผู้ผลิตการบินและอวกาศ
ข้อเท็จจริงที่ว่ากฎหมายนักสืบเอกชนไม่ได้ถูกตราขึ้นในทุกโอกาสนั้นถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถือเป็นข้อบกพร่องอย่างยิ่งที่กฎหมายฉบับนี้ไม่มีผลบังคับใช้ในขณะที่อาชีพนักสืบเอกชนกำลังพัฒนาในด้านหนึ่ง ความต้องการบริการติดตามและวิจัยนักสืบเอกชนเพิ่มขึ้น และความต้องการนักสืบเอกชนรายใหม่เกิดขึ้นทุกวัน ในปีพ.ศ. 1994 ได้มีการหารือและยอมรับร่างกฎหมายฉบับแรกในรัฐสภา แต่ไม่ได้รับการอนุมัติจากประธานาธิบดีในขณะนั้น น่าเสียดายที่ร่างดังกล่าวไม่มีโอกาสได้อภิปรายในสภาอีก
หนึ่งในกิจกรรมแรกของสมาคมนักสืบ ที่ปรึกษาและนักวิจัยเอกชน ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2006 และเริ่มดำเนินการทันที คือการพิจารณาและดำเนินการร่างกฎหมายฉบับนี้ ในการศึกษาเหล่านี้ นักสืบเอกชน บิลออกมาแล้ว อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสมาคมจะพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม ร่างนี้ยังไม่ได้ประกาศใช้
การไม่มีกฎหมายนักสืบเอกชนเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาอาชีพนี้ต่อไป เพราะทั้งคุณสมบัติของนักสืบเอกชนและผู้ช่วยวิจัยเอกชนที่จะเข้าสู่อาชีพนี้ไม่ได้รับการกำหนดหรือหลักการทำงานและหลักการของวิชาชีพนี้ นอกจากนี้ ยังไม่ได้กำหนดจัดตั้งและหลักการทำงานของสำนักงานนักสืบเอกชนและสถาบันวิจัยเอกชน ที่สำคัญกว่านั้น ไม่มีพื้นฐานสำหรับวิธีการตรวจสอบและควบคุมบริษัทเหล่านี้ให้อยู่ภายใต้การควบคุม
ในแง่กฎหมาย ความไม่แน่นอนทั้งหมดเหล่านี้ครอบคลุมอยู่ในกรอบของข้อบังคับทางกฎหมายอื่นๆ ที่มีอยู่ ซึ่งเหมาะสำหรับอาชีพนักสืบเอกชน กิจกรรมนักสืบเอกชนพยายามที่จะดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมายการค้า กฎหมายภาระผูกพัน กฎหมายแพ่ง กฎหมายอาญา และกฎระเบียบทางกฎหมายอื่น ๆ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ บริษัทนักสืบเอกชนมืออาชีพและสถาบันวิจัยเอกชนที่พยายามทำงานอย่างถูกต้องให้บริการตามระเบียบจริยธรรมและระเบียบการทำงานด้านอาชีพนักสืบที่จัดทำและเผยแพร่โดยสมาคม
โดยธรรมชาติแล้ว จะไม่มีการจัดองค์กรภายในสุญญากาศทางกฎหมาย การขาดสิ่งนี้ทำให้เกิดการขาดภาษีสำหรับค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บสำหรับบริการที่ได้รับ ไม่มีกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับบริการนักสืบเอกชน
บริษัทนักสืบเอกชนและสถาบันสืบสวนเอกชนทุกแห่งกำหนดค่าธรรมเนียมที่พวกเขาต้องการ โดยขึ้นอยู่กับขนาด ความแข็งแกร่งในแง่ของบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิค ภาพลักษณ์ในตลาด โอกาสในการแข่งขัน และความแพร่หลายทั่วประเทศ หรือจะกำหนดโดยการเจรจาร่วมกับบุคคลหรือองค์กรที่ขอใช้บริการ ทำให้ยากสำหรับบริษัทขนาดเล็กโดยเฉพาะในการแข่งขัน
เกณฑ์อื่นๆ ที่มีผลต่อค่าธรรมเนียมที่ขอ ได้แก่ ประเภท ลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขการให้บริการ พื้นที่ที่ต้องติดตามหรือสอบสวน จำนวนวันที่รับบริการ และจำนวนนักสืบเอกชนและนักสืบเอกชนที่จะได้รับมอบหมาย การเรียน
รายได้นักสืบ การสืบ ตำรวจ
ตำรวจนักสืบบางครั้งเรียกว่าผู้ตรวจสอบความผิดทางอาญาเริ่มอาชีพของพวกเขาในฐานะเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนจนกว่าจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นนักสืบ ตัวเลขที่เผยแพร่โดยสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ (BLS) ระบุว่านักสืบตำรวจได้รับเงินเดือนประจำปีเฉลี่ย $ 77,860 ณ เดือนพฤษภาคม 2012 นักสืบที่ทำงานให้กับหน่วยงานตำรวจท้องที่ได้รับค่าเฉลี่ย $ 64,610 นักสืบตำรวจของรัฐเฉลี่ย $ 58,460 ต่อปีและผู้ที่ทำงานโดยรัฐบาลกลางรายงานเงินเดือนโดยเฉลี่ยที่ $ 100,290 ต่อปี bangkok private investigator
จ้างที่ ปรึกษาการตลาด ออนไลน์อย่างไร… ให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด
ก.พ. 05 2022 Uncategorized การตลาดออนไลน์ ปรึกษาการตลาดออนไลน์การจ้างที่ ปรึกษาการตลาด ออนไลน์ หรือ ที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์ ให้ได้ผลจริงนั้น เจ้าของแบรนด์จำเป็นต้องเตรียมตัวเองอย่างไร บทความนี้จะพูดคุยในหลากหลายแง่มุมของขั้นตอนการทำงาน งบประมาณ สถานที่ ทรัพยากรบุคคล รวมไปถึง mindset ในการร่วมงานกับที่ปรึกษา เพื่อให้เจ้าของธุรกิจสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการทำงานได้จริงและหลากหลาย
ถ้านึกถึงที่ปรึกษาตอนที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ
คำถามที่ ทีมงาน blackcatagency มักเจอบ่อย ๆ จากเจ้าของธุรกิจที่กำลังเริ่มต้นก็คือ การขายของออนไลน์ต้องใช้เว็บขายของด้วยไหม เราใช้แต่เฟซบุ๊คแฟนเพจในการขายของออนไลน์ได้ไหม แต่ว่ากลับละเลยสิ่งสำคัญจริง ๆ สำหรับการเริ่มต้นทำธุรกิจไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการวิเคราะห์ธุรกิจ การวิเคราะห์ตลาด การวางเป้าหมายเชิงธุรกิจ รวมไปถึงการสร้างแบรนด์ ฯลฯ
ที่ต้องเขียนละเอียดขนาดนี้นั้น เพราะว่าสำหรับ blackcatagency แล้ว ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ไม่ได้มีหน้าที่ในส่วนของฝ่ายการตลาดเพียงอย่างเดียว ไม่ได้โฟกัสเพียงแค่การขายสินค้าอย่างเดียว และไม่ได้เพียงแค่มาช่วยแนะวิธีขายของออนไลน์เพียงเรื่องเดียว
เพราะว่าการตลาดที่มีประสิทธิผลจริง ๆ นั้น จะต้องถูกวางให้สอดประสานสนับสนุนกับองค์ประกอบอื่น ๆ ของธุรกิจดังนั้นที่ปรึกษานอกจากจะคอยดูแลเรื่องกลยุทธ์การตลาดออนไลน์และเทคนิคการตลาดออนไลน์แล้ว ยังรวมถึงการวางแผนธุรกิจไปจนถึงการสร้างแบรนด์ซึ่งไล่ไปตั้งแต
วิเคราะห์ธุรกิจและตลาดในปัจจุบัน เพื่อค้นหาเป้าหมายในการทำธุรกิจที่ชัดเจน
มองภาพรวมของธุรกิจให้ออก เพื่อนำมากำหนด position ของแบรนด์ วางกลยุทธธุรกิจ กลยุทธ์การตลาด กลยุทธ์การขาย ฯลฯ
หาช่องทางการตลาดออนไลน์ สื่อออนไลน์ต่าง ๆ
วางแผนการตลาดออนไลน์ ซึ่งรวมถึง วางแผนสื่อโฆษณาออนไลน์ (ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็รวมออฟไลน์ไปด้วย แถมจริง ๆ แล้วมันทำรวมกันทั้งออนไลน์ออฟไลน์ไม่แยกจากกัน)
วัดผลลัพธ์การตลาดทั้งหมด เพื่อนำมาปรับปรุงกลยุทธ์และการดำเนินงานต่าง ๆ
ดังนั้นถ้าจะจ้างที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจนั้น ทาง blackcatagency ขอบอกว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีมาก ๆ แต่เจ้าของแบรนด์เจ้าของธุรกิจพึงใช้ประโยชน์จากที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ให้ได้ครอบคลุมทั้งหมดไม่ใช่เพียงแค่จ้างที่ปรึกษามาจัดการในประเด็นเล็ก ๆ เพียงประเด็นเดียว (ซึ่งแม้ว่าจะสบายงบประมาณมากกว่าแต่แผนการตลาดออนไลน์ที่ได้อาจไม่สามารถส่งผลกระทบได้อย่างเต็มที่นักเมื่อนำมาผสานกับแผนการตลาดภาพรวมที่แบรนด์ใช้อยู่)
ถ้านึกถึงที่ปรึกษาตอนที่เจอปัญหาหลังจากทำธุรกิจไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว
กรณีนี้มักเกิดขึ้นเมื่อเจ้าของธุรกิจทำเองไปได้ระดับหนึ่งแต่เกิดการชะงักงันเพราะเจอปัญหา พวกเขามักไปเข้าคอร์สอบรมการตลาด คอร์สบริหารธุรกิจ คอร์สกลยุทธ์และเทคนิคการตลาดออนไลน์มากมาย แต่กลับไม่สามารถระบุปัญหาและหาวิธีแก้ปัญหาธุรกิจไม่ได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นเพราะเกิดการเรียนรู้ที่หลากหลายแต่ไม่ลึกซึ้งเพียงพอ ขาดความเข้าใจเพียงพอที่จะนำความรู้ที่หลากหลายมาเชื่อมต่อกันและใช้งานจริงได้
ดังนั้น blackcatagency จึงขอแนะนำให้เจ้าของธุรกิจจ้างที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์เพียงพอที่จะวิเคราะห์ปัญหาธุรกิจ เพื่อที่จะนำมาสร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่สามารถแก้ไขปัญหาธุรกิจที่มีอยู่ได้ (ซึ่งจะมีปัจจัยและข้อจำกัดหลายอย่าง ตั้งแต่เรื่องงบประมาณ ทรัพยากรบุคคล สถานการณ์การตลาดในปัจจุบัน เป็นต้น) ซึ่งก็ต้องใช้เวลาในการศึกษารายละเอียดพอสมควรก่อนที่จะสามารถให้คำแนะนำที่ได้ผลจริง
สิ่งสำคัญที่ต้องจำก็คือ หลายครั้งที่การแก้ไขปัญหาหนึ่ง ๆ นั้นใช้เรื่องการตลาดอย่างเดียวไม่ได้ อาจต้องใช้ตั้งแต่เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ กลยุทธ์ทางออฟไลน์ ขั้นตอนการดำเนินงาน อาจไปจนถึงการปรับรูปแบบการบริหาร หรือโครงสร้างธุรกิจหรือองค์กรเลยทีเดียว ดังนั้นเจ้าของแบรนด์จึงควรให้อำนาจและขอบเขตการรับผิดชอบที่มากพอกับที่ปรึกษาด้วย (รวมทั้งทำตามคำแนะนำในประเด็นอื่น ๆ ด้วย)
เมื่อเข้าใจถึงลักษณะการขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาในแต่ละช่วงเวลาแล้ว ทาง blackcatagency จึงขออธิบายรายละเอียดในหลากหลายประเด็นให้เจ้าของธุรกิจ/เจ้าของแบรนด์รับรู้ไว้เกี่ยวกับการจ้างที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ เพื่อที่จะได้สามารถทำงานร่วมกันออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ขั้นตอนการทำงานเมื่อจ้างที่ ปรึกษาการตลาด ออนไลน์ (และที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์)
ที่ปรึกษาแต่ละรายต่างมีเงื่อนไขและขอบเขตหน้าที่การทำงานที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนที่จะจ้างที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์/ด้านการสร้างแบรนด์ เจ้าของธุรกิจพึงตั้งโจทย์ให้ชัดเจนว่าต้องการให้ที่ปรึกษาสร้างผลลัพธ์อะไรบ้าง มีขอบเขตจำกัดอยู่แค่ไหนบ้าง (ซึ่งจำเป็นต้องตกลงร่วมกันระหว่างที่ปรึกษากับเจ้าของธุรกิจนะครับ
มีอยู่หลายครั้งที่ blackcatagency จำเป็นต้องขอขอบเขตและอำนาจการดำเนินงานนอกเหนือไปจากสื่อออนไลน์เพียงอย่างเดียวในการให้คำปรึกษา ยกตัวอย่างเช่น การทำตลาดออนไลน์กับระบบตัวแทน เราก็จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการวางโครงสร้างราคาผลิตภัณฑ์ด้วย)
เจ้าของธุรกิจบอกรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจของตนให้ที่ปรึกษาทราบ
โดยจะลงรายละเอียดลึกขนาดไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับขอบเขตหน้าที่ของที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์รายนั้น
ที่ปรึกษาประเมินสถานการณ์ในปัจจุบัน
ตรงนี้เจ้าของธุรกิจต้องให้ที่ปรึกษาสามารถ access ข้อมูลเชิงลึกของสื่อออนไลน์ที่มีอยู่แล้วเพื่อนำมาประกอบการวิเคราะห์ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์ของที่ปรึกษาเอง ผสมกับ insight บางส่วนจากเจ้าของธุรกิจด้วย
ที่ปรึกษากำหนดแนวทางในการทำงาน
โดยบางรายอาจให้เป็นคำแนะนำระยะยาวแบบ Manual ประจำปีไปเลย แต่บางรายอาจกำหนดแนวทางการทำงานเป็นแคมเปญระยะสั้น โดยทั้ง 2 แบบมีข้อดีข้อเสียต่างกันดังนี้
การวางแผนระยะยาว — ทำให้ได้แผนการทำงานชัดเจนตั้งแต่ต้นจากนั้นก็แค่ทำไปตามแผนข้อดีคือจ้างทีเดียวจบแต่ข้อเสียคือขาดความยืดหยุ่น ทำให้รับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปได้ยาก จึงเหมาะกับเจ้าของธุรกิจที่มีทักษะเพียงพอในการรับมือสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
การวางแผนระยะสั้น — ได้แผนการทำงานที่ทำได้เลยทันที เห็นผลได้ทันทีเช่นกันข้อดีคือสามารถปรับตัวรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปได้ดีแต่ว่าก็จำเป็นต้องมีการวัดผลที่ชัดเจนและแม่นยำเช่นกัน ซึ่งถ้าขาดประสบการณ์หรือไม่มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ธุรกิจอาจหลงทางได้ง่าย ๆ
หมายเหตุ — โดยมากแล้ว blackcatagency ใช้การทำงานแบบผสมผสาน ซึ่งก็คือจะวาดภาพรวมให้ทางเจ้าของธุรกิจเห็นเป้าหมายระยะยาว แต่จะกำหนดแนวทางการทำงานแบบระยะสั้น ซึ่งพอเสร็จงานแรก ก็จะวัดผล ประเมินสถานการณ์ และวางแผนการดำเนินงานระยะสั้นอันถัดไป ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ซึ่งแบบนี้จะดีที่เจ้าของธุรกิจจะเห็นภาพเป้าหมายได้ชัด (จะได้ตกลงกันก่อนว่าโอเคไหม) และมีที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำจากแผนแรกสู่แผนสอง สาม และแผนถัด ๆ ไป
ดำเนินงานตามแผนที่วางไว้
บางกรณีเจ้าของธุรกิจอาจขอให้ที่ปรึกษารับงานบางส่วนออกไปทำนอกบริษัท หรือว่าที่เรียกว่า outsource นั่นเอง ซึ่งถ้าที่ปรึกษามีทีมงานอยู่แล้วก็อาจจะรับงานบางส่วนมาได้
งานส่วนที่ outsource ออกไปทำนั้น จำเป็นต้องพิจารณาให้ดี เพราะบางอย่างอาจมีข้อเสียด้วย
ถ้าเป็นงานที่ต้องทำเป็นประจำอยู่แล้ว — ถ้าเป็นงาน routine จะ outsource ก็เหมาะสมแล้วเช่นงานเอกสารเป็นต้น
ถ้าเป็นงานที่ต้องทำเป็นประจำ แต่จำเป็นต้องมีการติดต่อกับลูกค้า — จะ outsource ก็ได้ แต่จำเป็นต้องวางรูปแบบการติดต่อให้ดี เช่น กำหนดคำตอบสำหรับคำถามที่ถูกลูกค้าถามบ่อย กำหนดระยะเวลาในการตอบคำถามลูกค้าว่าห้ามเกินเท่าไหร่ เป็นต้น
ถ้าเป็นงานเกี่ยวกับ content — จำเป็นต้องวางแบรนด์ให้ชัดเจนทั้งในเรื่องของโทน ภาพลักษณ์รูปแบบการพูดคุย ฯลฯ เพื่อไม่ให้ content ทำให้ภาพของแบรนด์เป๋ไปจากสิ่งที่ต้องการ (หลายบริษัทหลายแบรนด์มัก outsource คนทำ content แล้วภาพลักษณ์บิดเบี้ยวมาก ๆ จึงพึงระวังให้ดี)
งานอื่น ๆ — อาศัยการพิจารณาร่วมกันระหว่างที่ปรึกษากับเจ้าของบริษัท
ส่วนใหญ่แล้ว ทีมงาน blackcatagency จะแนะนำให้ทางเจ้าของธุรกิจหาทีมงานมาทำงานส่วนต่าง ๆ เอง เนื่องจากบริษัทจะได้สามารถดำเนินงานเองต่อไปได้ด้วยตัวเองแม้หลังจากจบงานที่ปรึกษาแล้ว อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้จำเป็นต้องมีการเทรนนิ่งและอธิบายภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้กับทีมงานเป็นประจำและสม่ำเสมอ จึงเป็นงานที่ต้องใช้เวลาและรายละเอียดมากพอสมควร
เจ้าของแบรนด์ต้องส่งการบ้าน <– ข้อนี้ blackcatagency เจอมาบ้างแล้ว และเป็นปัญหาหนักมาก เลยขอแทรกไว้เพื่อบอกว่า การให้คำปรึกษาเฉย ๆ แต่เจ้าของแบรนด์ไม่ทำตามคำแนะนำ หรือทำแค่ 50% นั้น ก็จะไม่สามารถได้ผลลัพธ์ตามต้องการได้นะครับ
วัดผลการดำเนินงาน
การวัดผลจัดเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ สำหรับการทำตลาดออนไลน์ นอกจากการวัดผลจะเป็นจุดแข็งอย่างมากของการตลาดออนไลน์เมื่อเทียบกับออฟไลน์แล้ว มันยังเป็นแนวทางการทำงานที่เหมาะสมกับพฤติกรรมลูกค้าและสังคมในปัจจุบันด้วย
เครื่องมือที่ช่วยเหลือในการวัดผลการตลาดออนไลน์มีหลากหลายมาก ทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่สำคัญและควรมีอยู่ก็ได้แก่ (ที่ List ไว้ข้างล่างนี้ บางอันไม่ได้ใช้วัดผลโดยตรง แต่ช่วยให้การวัดผลง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพขึ้น)
Google Analytics
Google Search Console
Google Tag Manager
Facebook Pixel
ปรับแผนการทำงาน
เมื่อวัดผลได้ชัดเจน และมีเป้าหมายชัดเจน เราก็จะทราบว่าเราอยู่ไกลจากเป้าหมายเท่าใด เรากำลังเดินทางถูกทิศทางหรือไม่ ซึ่งก็จะทำให้สามารถปรับเปลี่ยนแผนการทำงานได้ดียิ่งขึ้นไปด้วย
การอ่านผลการดำเนินงานในข้อ 5 นั้นมีความสำคัญต่อช่วงนี้เป็นอย่างมาก เจ้าของธุรกิจและที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ควรวิเคราะห์ผลลัพธ์ร่วมกัน และช่วยกันวางแผนขั้นต่อไปด้วยกัน
เมื่อปรับเปลี่ยนแผนการทำงานแล้ว ที่ปรึกษาควรจะบอกสาเหตุของการปรับเปลี่ยน และระบุเป้าหมายของแผนงานใหม่ตัวนี้ให้ชัดเจน ซึ่ง่เจ้าของธุรกิจก็ควรเข้าใจในเหตุผลทั้งหมดในการปรับเปลี่ยนนี้ด้วย (เพื่อที่ต่อไปจะได้สามารถทำเองได้)
หาที่ ปรึกษาการตลาด ออนไลน์อย่างไรดี ต่างกับที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์อย่างไร รับงานวิทยากรการตลาดออนไลน์ด้วยไหม
นี่เป็นคำถามที่พบเจอบ่อยมาก ๆ และตอบได้ยากมากเช่นเดียวกัน เนื่องจากที่ปรึกษาแต่ละรายมีพื้นฐานและทักษะที่ต่างกัน นอกจากนี้แล้ว คำว่าสร้างแบรนด์ยังถูกแปลความหมายแตกต่างกันออกไปด้วย (แล้วแต่เจ้าของธุรกิจกับที่ปรึกษา) ดังนั้นเราจะขอตอบในมุมมองและประสบการณ์ของเราเองนะครับ
blackcatagency เป็นทั้งที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์และที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์ โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะวางแผนด้านการสร้างแบรนด์ด้วยการใช้ Content Marketing เป็นหลักอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เรายังรับให้คำปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์กับบริษัท B2B ด้วย SEO Content อีกด้วย / สำหรับบริษัทอื่น ๆ นั้น บางรายจะรับเฉพาะการตลาดออนไลน์โดยจะเน้นการโฆษณาเป็นหลักเพียงอย่างเดียว ซึ่งไม่ใช่แนวทางของเรา
การสร้างแบรนด์ออนไลน์นั้น แม้ว่าจะใช้เทคนิคพื้นฐานเดียวกับการตลาดออนไลน์ แต่จะเน้นทางด้านการใช้ content เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์และเพื่อให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายจดจำแบรนด์ได้ เพื่อจะนำไปสู่ยอดขายได้ในท้ายที่สุด อย่างไรก็ตาม มีการทำตลาดออนไลน์ด้วยการใช้โฆษณาอย่างเดียวและสามารถสร้างยอดขายได้เช่นกัน ดังนั้นเจ้าของแบรนด์พึงศึกษาธุรกิจตัวเองให้รอบคอบก่อนที่จะติดต่อที่ปรึกษาให้เข้าไปทำงาน
blackcatagency รับงานบรรยายด้านการตลาดออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วที่ปรึกษาธุรกิจทั้งหลายก็มักจะรับงานวิทยากรอยู่ด้วย และหลายธูรกิจก็ใช้วิธีการจ้างที่ปรึกษาหลังจากที่เข้าคอร์สไปฟังการบรรยายเช่นกัน
สำหรับผู้ที่สนใจรับคำปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์หรือด้านการตลาดออนไลน์จาก blackcatagency สามารถติดต่อเราได้ที่ Line @mr.blackcat
หมายเหตุสำคัญ
ไม่ว่าจะมีการวางแผนใด ๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นแผนเริ่มต้น แผนระยะยาว ระยะสั้น หรือแผนใหม่ที่เพิ่งถูกปรับเปลี่ยน ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ควรระบุสาเหตุของการใช้แผนนั้น และบอกเป้าหมายที่ต้องการได้จากแผนการนั้นด้วย — ถ้าไม่บอก เจ้าของธุรกิจก็ต้องถาม และพึงสงสัยตลอดเวลา
การระบุเหตุผลของการตัดสินใจใด ๆ จะช่วยให้ผู้ดำเนินการสามารถนำหลักการนี้ไปใช้กับการตัดสินใจในสถานการณ์อื่น ๆ ได้ ซึ่งจะดีต่อบริษัทในระยะยาว
การบอกเป้าหมายของการดำเนินงานใด ๆ จะช่วยให้ผู้ดำเนินการสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองตามสถานการณ์ได้ ตราบใดที่ยังสอดคล้องกับวัตถุประสงค์นั้น ๆ ซึ่งจะทำให้การทำงานมีความยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้เองอย่างเหมาะสม
สำหรับบางธุรกิจนั้น โดยเฉพาะธุรกิจเดิม ๆ ที่กำลังถูก disruption นั้น บางครั้งจำเป็นจะต้องเปลี่ยน business model เสียก่อน เราแนะนำให้ลองอ่านบทความเรื่อง การเขียนแผนธุรกิจด้วยการสร้างโมเดลธุรกิจที่แตกต่าง ดูก่อนนะครับ
นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังมีประเด็นอื่น ๆ อย่างเช่น งบประมาณในการทำตลาดออนไลน์ สถานที่ในการให้คำปรึกษา ทรัพยากรบุคคลที่มาช่วยงานการตลาดออนไลน์ ตลอดไปจนถึง Mindset ของเจ้าของธุรกิจ เจ้าของแบรนด์ รวมถึงผู้บริหารทั้งหลาย ที่จะทำงานร่วมกันที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์อีกด้วย
หน้าที่ของ ที่ปรึกษาการตลาด ออนไลน์ มีอะไรบ้าง?
ถ้าจะให้ผมบรรยายโดยละเอียดเลยนั้น ก็คงจะยาวมากๆ เอาเป็นว่า ผมจะอธิบายแบบคร่าวๆ ก็แล้วกันนะครับ เอาแค่พอให้เห็นภาพ ว่าจริงๆ แล้ว ที่ปรึกษาในบริษัท หรือในองค์ เค้าทำอะไรกันบ้าง
ก็มีหน้าที่ ให้คำปรึกษา ซึ่งตรงนี้ มีความสำคัญเป็นอย่างมากๆ เพราะคำว่า “ให้คำปรึกษา” นั้นหมายถึงทุกเรื่อง และทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ ถ้าจะให้เห็นภาพ ก็ได้แก่ เรื่องเล็กๆ อย่างการออกแบบโลโก้ของแบรนด์สินค้า ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ อย่าง ให้คำปรึกษา ว่าควรจะขยายสาขา หรือเพิ่มเงินลงทุนหรือไม่? อะไรประมาณนี้ มันต้องครอบคลุมทุกเรื่องจริงๆ นะครับ เพราะการตลาด มันไม่ใช่แค่ การซื้อโฆษณา หรือการสร้างโฆษณาเพียงอย่างเดียว แต่มันต้องหมายถึง การสร้างแบรนด์ เพื่อให้ลูกค้า ได้รู้จัก และมีความรู้สึกดีๆ กับแบรนด์ของเราอีกด้วย นั่นแปลว่า ที่ปรึกษา ต้องเข้าไปยุ่งในทุกเรื่อง ตั้งแต่กระบวนการออกแบบ กระบวนการผลิต การขาย ไปจนถึง การให้บริการ หลังการขายเลยนะครับ
ถ้าคุณคิดว่า จะจ้างที่ปรึกษา มาให้คำปรึกษา แค่จะทำยังไงให้ขายดี? จะทำยังไงถึงเพิ่มยอดขายได้เร็วๆ? แบบนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของที่ปรึกษาครับ มันเป็นเรื่องของ เทคนิคในการขายมากกว่าครับ ซึ่งส่วนใหญ่ ที่ต้องการขายเยอะ ขายเร็วแบบนี้ มักจะไม่ต้องการสร้างแบรนด์ หรือทำเป็นระยะยาว มาเร็วไปเร็ว แบบนี้ ส่วนใหญ่ ผมจะไม่รับงานครับ ผมจะเน้นรับงาน กับบริษัท หรือคนที่ต้องการจะสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดอย่างจริงจัง ทำธุรกิจระยะยาว ( ไม่ใช่มาทำกับผมนะครับ หมายถึง ธุรกิจของลูกค้า ต้องเปิดให้บริการ หรือขายสินค้าระยะยาว ไม่ใช่ขายแค่เอากำไร แป็บๆ แล้วก็ปิดหนี แล้วไปเปิดเป็นแบรนด์ใหม่อีก แบบนี้ แสดงให้เห็นเลยว่า เน้นผลกำไร ไม่เน้นคุณภาพ )
เรื่องของการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ การทำเว็บไซต์ หรือ Facebook นั้น ไม่ต้องพูดถึงครับ มันเป็นเรื่องที่ต้องรู้ และต้องให้คำปรึกษาอยู่แล้ว ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ ค่าบริการ หรือ เงินเดือนของที่ปรึกษานั้น แพงมาก อย่างในบริษัทใหญ่ๆ ที่ปรึกษา มีเงินเดือนเกือบแสนบาท ไม่ใช่เพราะเค้าทำงานได้เก่งกว่าคนอื่นหลายเท่า แต่เป็นเพราะเค้าฉลาด ทันคน มีประสบการณ์เยอะ และมีสายตาที่กว้างไกล คำปรึกษาที่เอ่ยออกมาแนะนำนั้น จึงมีค่าดั่งทอง
ยังมีลูกค้าอีกเป็นจำนวนมาก ที่เข้าใจผิด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ส่วนใหญ่มักจะคิดว่า การตลาดมันมีสูตรสำเร็จ สามารถจ้างบริษัทการตลาดให้ทำ การตลาด ทั้งหมดให้ได้ โดยที่ตัวเอง ไม่ต้องทำอะไรเลย ซึ่งความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ครับ สิ่งที่คุณต้องการจาก ที่ปรึกษาการตลาด ก็คือ คำแนะนำ ที่จะช่วยพลิกชีวิต หรือเปลี่ยนจากบริษัทที่ใกล้เจ๊ง หรือร้านอาหารที่ไม่มีคนเข้ามากิน กลายเป็นบริษัทที่รุ่งเรือง หรือร้านอาหารที่ขายดี จนโด่งดัง นี่ต่างหาก คือสิ่งที่คุณต้องการ ไม่ใช่ต้องการให้เขา มาทำการตลาดให้
เพราะเรื่องของการทำ การตลาดนั้น เจ้าของธุรกิจ ต้องทำเอง และต้องมีการฟอร์มทีมการตลาดของตัวเอง เพื่อดูแลในระยะยาว จะไปหวังพึ่ง ยืมจมูกคนอื่นมาหายใจ เสมอไปไม่ได้ สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ตั้งทีมการตลาด และจ้างที่ปรึกษา เพื่อให้มาแนะนำ รวมทั้งฝึกสอน ทีมการตลาดของคุณ ให้ทำการตลาดเป็น เพื่อทำให้ธุรกิจของคุณ สามารถเดินได้อย่างมั่นคง และยั่งยืน ถ้าคุณไม่คิดทำแบบนี้ คุณก็ต้องจ้างบริษัทการตลาดอยู่เรื่อยไป กลายเป็นทำให้ธุรกิจตัวเองต้องมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นโดยใช่เหตุ ผิดกับหลักการ ในการทำการตลาดออนไลน์ ที่ลดต้นทุนให้น้อย เพื่อเพิ่มโอกาสในการเอาชนะคู่แข่ง และเพิ่มผลกำไรให้มากขึ้น
ปรึกษาการตลาด คู่แข่งขายของแพงกว่า แต่ทำไมยังขายได้มากกว่า? กลยุทธ์การตลาดออนไลน์
สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ในโลกออนไลน์ปัจจุบันก็คือ มีหลายคน ที่ขายสินค้า (ชนิดเดียวกัน) แต่ขายได้ไม่เท่ากัน บางคนก็ขายได้มากกว่า บางคนก็ขายได้น้อยกว่า ขึ้นอยู่กับ การตลาด ที่แต่ละคนจะทำ แต่สิ่งที่ดูจะขัดแย้งก็คือ บางคน ขายสินค้าแพงกว่าคู่แข่งเยอะ แต่สามารถทำยอดขายได้มากกว่า เจ้าที่ขายถูกกว่า ชนิดที่เรียกว่า ทิ้งกันหลายช่วงตัว สาเหตุเป็นเพราะอะไร? ( คำถามนี้ ลูกค้าของผม มักจะสอบถามผมเข้ามาเป็นประจำ ) นั่นเป็นเพราะเค้ารู้จักใช้
ผมเชื่อว่า ถ้าพูดถึงคำว่า กลยุทธ์การตลาด หลายคนคงจะพอมีความเข้าใจ หรือมองเห็นภาพบ้าง ว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การใช้เทคนิคต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มศักยภายในการทำ การตลาด ทำให้เหนือกว่าคู่แข่ง และเพิ่มยอดขายได้ แต่ถ้าพูดถึงคำว่า กลยุทธ์ ของการตลาดออนไลน์ หลายคนอาจจะงงว่า มันคืออะไร แล้วมันเป็นยังไงกัน กับ กลยุทธ์ เพื่อ
มีแค่นี้เองจริงๆ ครับ คนเราทุกคน ก็อยากได้สินค้า ที่ตัวเองต้องการ ในราคาที่ถูกที่สุด เหมือนกันทั้งนั้นแหละครับ แต่.. ก็ต้องการคุณภาพด้วย หรือที่เรามักจะเรียกว่า “ถูกและดี” ซึ่งจริงๆ แล้ว มันก็ไม่มีหรอกครับ ไอ้ที่ว่า ถูกแล้วดี แต่ถ้า ถูกแล้วพอใช้ อันนี้มีครับ ส่วนใหญ่ คนที่ขายของได้เป็นกอบเป็นกำ ก็มักจะเอาเรื่องของ “ถูกและพอใช้” มาทำให้ลูกค้า รู้สึกว่า “ถูกและดี” และ “คุ้มค่าที่จะซื้อ” ทั้งหมดมันก็แค่นี้เองครับ หัวใจหลักๆ ของมันก็มีแค่นี้
กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ คือการทำด้วยวิธีใดๆ ก็ได้ ให้ลูกค้า รู้สึกว่า สินค้าของเรา ถูกและดี และคุ้มค่าที่จะซื้อ ซึ่งมันมีหลากหลายเทคนิค แตกต่างกันไป ตามชนิดของสินค้าและบริการ รวมทั้งยังขึ้นอยู่กับ กลุ่มของเป้าหมายอีกด้วย ว่าเป็นแบบไหน คำว่า กลยุทธ์ จะไม่มีสูตรตายตัวครับ ขึ้นอยู่กับ การประยุกต์มาใช้งาน ให้เหมาะสมกับประเภทของสินค้า และกลุ่มลูกค้า ก็อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่า ต้องทำให้ ถูกที่ ถูกเวลา และตรงตามความต้องการ ของกลุ่มเป้าหมาย แค่นี้ยอดขาย ก็พุ่งกระฉูดแล้วครับ
การที่จะคิดกลยุทธ์ขึ้นมานั้น จำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญ เป็นผู้คิด ถึงจะดีที่สุดครับ เนื่องจากว่า การคิดกลยุทธ์ขึ้นมานั้น มันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เปรียบเสมือน ดาบสองคม ข้อดี ก็ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่ข้อเสียก็คือ อาจทำให้เสียแบรนด์ได้ คำว่า “เสียแบรนด์” ก็คือ ทำให้แบรนด์ เสื่อมเสียชื่อเสียง หรือทำให้ลูกค้า เริ่มสับสน มีความรู้สึกไม่ดีกับแบรนด์ การจะคิดกลยุทธ์ใดๆ ขึ้นมา เพื่อกระตุ้นยอดขาย จำเป็นต้องวิเคราะห์ และพิจารณาให้มากๆ ถ้าจะให้ดี ควาจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ด้าน
ที่ผมต้องเตือนกันแบบนี้ ก็เพราะว่า ถ้าเสียแบรนด์ หรือแบรนด์มีตำหนิ มีภาพลักษณ์ หรือส่อว่า จะมีภาพลักษณ์ไม่ดี หรืออะไรก็ตาม ที่ดูแล้ว ขัดแย้งกับตัวเอง มันจะแก้ไม่ได้นะครับ เสียแล้วก็เสียเลย อย่างที่หลายๆ คน คงเคยได้ยินกับคำว่า “รีแบรนด์” หรือการเปลี่ยนชื่อแบรนด์ใหม่ เพราะมันมัวหมองแล้ว จึงต้องเปลี่ยนใหม่ เพื่อให้ลูกค้ายอมรับยังไงล่ะครับ เรื่องแบบนี้ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ด้านการตลาดออนไลน์ ดีที่สุดครับ รับปรึกษาการตลาด
กลยุทธ์ นักสืบโบราณ ส่งจดหมายหลอกโจรมาให้จับ!
ก.พ. 04 2022 Uncategorized งาน นักสืบ นักสืบ มือ อาชีพ นักสืบ ราคา ถูก นักสืบ ออนไลน์ นักสืบเอกชน หา นักสืบกลยุทธ์ นักสืบโบราณ เทคนิคการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถือเป็นเทคนิคของแต่ละบุคคล นักสืบบางคนอาจจะชำนาญการสืบสวนทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในขณะที่นักสืบบางคนยังคงใช้ กลเม็ดเด็ดพรายที่ถูกถ่ายทอดจากอดีตนักสืบฝีมือดีรุ่นเก๋ากึ๊กมาปราบเหล่าร้ายที่ก่อกรรมทำเข็ญกับเพื่อนมนุษย์ผู้บริสุทธิ์
ไม่นานมานี้มีเรื่องราวฮือฮาเกิดขึ้นเมื่อ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ภาค 1 จับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีโดยใช้วิธีส่งจดหมายหลอกให้คนร้ายมารับรางวัล ไม่ต้องเดินทางไปจับกุมให้เปลืองเวลา ลงทุนค่าสแตมป์แปะมุมขวาหน้าซองจดหมายไม่กี่บาท แล้วนั่งกระดิกเท้ารอแล้วผู้ต้องหาตามหมายจับคดีค้างเก่าก็เดินมาให้รวบโดยละม่อม เหมือนสังข์ทองร่ายมนต์เรียกปลายังไงยังงั้น
ใกล้ช่วงเทศการปีใหม่หลายคนนิยมส่ง สคส.หรือของขวัญให้คนพิเศษซึ่งมีทั้งเพื่อนสนิทมิตรสหาย หรือผู้ใหญ่ที่เคารพรักแต่ พ.ต.ท.อุเทน นุ้ยพิน สารวัตร กองกำกับการสืบสวนสอบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ( สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.ภ.1 ) กลับนำแฟ้มรายชื่อผู้ต้องหาคดีค้างเก่าที่ฝุ่นจับเขลอะของตำรวจภาค 1 มาตรวจสอบ พบยังมีผู้ต้องหาที่หลบหนีหลายราย ก่อนงัดวิชาการสืบสวนจากอดีตนักสืบรุ่นก่อนร่อนจดหมายกว่า 100 ฉบับ ไปยังบรรดาผู้ต้องหาหนีอาญาแผ่นดิน
เอกสารขนาดเอ 4 ระบุว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ทางบริษัทจะสมนาคุณท่านลูกค้า และท่านคือผู้โชคดีจากการสุ่มหมายเลขโทรศัพท์และเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ให้รีบติดต่อมารับเครื่องใช้ไฟฟ้าเช่น ทีวี ดีวีดี ตู้เย็นหรือชุดโฮมเธียร์เตอร์ มูลค่า 2- 3 หมื่น บาท หรือเงินพ็อกเก็ตมันนี่ 8,000 บาท เพียงส่งจดหมายมายืนยันพร้อมทั้งแจ้งที่อยู่ปัจจุบันและหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้กลับมาก่อนมิเช่นนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์ ทั้งนี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด โดยให้รับของด้วยตนเองภายในวันที่ 24 ธันวาคม 2552 ที่ห้างเจ.เจ.มอลล์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.ไม่นานมีผู้ตอบรับมาประมาณ 30 ราย
เช้าวันที่ 24 ธันวาคม ที่ห้างเจ.เจ.มอลล์ต่างคึกคักไปด้วยบรรดาเหล่าร้ายที่มีหมายจับศาลติดตัว บางรายหยิบยืมเงินเหมารถมารับเครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีเพื่อนๆและญาติมิตรเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีด้วย จากนั้นเข้าไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปลอมตัวเป็นพนักงานบริษัท ตั้งโต๊ะตรวจสอบรายชื่อผู้ที่เดินทางมา และทำทีให้กรอกแบบฟอร์ม ก่อนให้เข้าไปในห้องทีละราย
เหล่าร้ายที่คิดว่าตัวเองโชคดีดวงเฮง รับปีใหม่ แทบหงายหลัง เมื่อเจ้าหน้าที่ยื่นหมายจับออกมาให้ดู ก่อนพาไปสอบสวนที่ภาค 1 จากนั้นนำตัวมาให้ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ สอนตระกูล รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.สส.ภ.1 แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน รวม 14 ราย
ประกอบด้วย นายธีรยุทธ เจริญสูงเนิน อายุ 23 ปี คดีพรากเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา เพื่ออนาจารและกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี นางสมพอ อังกะโทก อายุ 61 ปี ข้อหาร่วมกันจัดหางานให้คนงานไปทำงานในต่างประเทศ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนกลางฯ น.ส.ทัศนีย์ เรืองศรี อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาคดีไม่จ่ายค่าแรง ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานตรวจงานตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน นายปัญญา สุขสุฤทธิ์ อายุ 25 ปี ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ นายวีระพงษ์ คาดพันธ์โน อายุ 26 ปี ข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี นายไกสวัสดิ์ แก้วพร อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาคดีข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาของตน
นายพันศักดิ์ ศรีเพ็ง อายุ 25 ปี ตามหมายจับคดีพรากเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา เพื่ออนาจารและกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี นายกฤษฎา ตนกลาย อายุ 21 ปี ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนหรือรับของโจร นายวิทูนย์ หาญโก่ย อายุ 27 ปี ตามหมายจับคดีพรากเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา เพื่ออนาจาร และ นายชัยชนะ ทองสงคราม อายุ 44 ปี ข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย
นายเมืองนนท์ มาน้อย อายุ 26 ปี ข้อหา พรากเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา นายสุขสันต์ ทองคำ อายุ 22 ปี ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และพรากผู้เยาว์ นายอานนท์ เทียนบูชา อายุ 30 ปี ข้อหาลัหทรัพย์ในเวลากลางคืน และนายถนอม พวงศิริ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีร่วมกันลักทรัพย์นายจ้างในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ
“ตอนนั้นผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้ เลยนำเอกสารหลักฐานรีบเดินทางเข้ามาติดต่อเพื่อรับของรางวัลที่ห้างเจเจมอลล์ พอเข้ามาติดต่อก็ถูกตำรวจแสดงตัวจับกุม แล้วแจ้งข้อหา ควบคุมตัวไว้ ซึ่งผมก็คิดไม่ถึงว่าตำรวจจะมีอุบายหลอกได้ถึงขนาดนี้ ต้องยอมจริงๆ” นายธีรยุทธ เจริญสูงเนิน กล่าวด้วยสีหน้าเซ็งๆ
เขาบอกอีกว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้เดินทางมาทำงานรับจ้างทั่วไปใน จ.นนทบุรี หลังจากที่ก่อคดีแล้วก็หนี กลับบ้านเกิด กระทั่งเมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ก่อน ก็ได้รับจดหมายว่า เป็นผู้โชคดีได้รับโทรทัศน์สี 32 นิ้ว จึงเดินทางมารับและถูกจับกุมดังกล่าว
กลยุทธ์ นักสืบโบราณ ส่วน นางสมพอ อังกระโทก คุณยายวัย 61 พูดกับนักข่าวด้วยสีหน้าละห้อยว่า
“หนีคดีมาเกือบ 6 ปี แล้วมาโดนจับจนได้ ยายรู้สึกเสียใจที่เสียท่าตำรวจในครั้งนี้ เนื่องจากเชื่ออย่างสนิทใจว่าจะได้รับรางวัลจริงๆ อย่างไรก็ตามต้องขอชมเชยความคิดในการจับผู้ต้องหาครั้งนี้ และอยากจะให้รางวัลตำรวจที่คิดไอเดียหลอกผู้ต้องหามาให้จับได้อย่างง่ายดาย ”
อย่างไรก็ตามทราบกันดีว่านักสืบรุ่นเก่าๆก็ใช้มุขส่งจดหมายให้คนร้ายมารับรางวัลแล้วหลายราย โดย พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่าสมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็น รอง สว.สส.สน.ปทุมวัน เมื่อปี 2526 มีคดีสามีฆ่าภรรยาตาย ซึ่งผู้ต้องหาหลบหนีการจับกุมมาตลอด จึงออกอุบายทำทีส่งจดหมายไปยังบ้านพักของผู้ต้องหา
แจ้งว่าคุณคือผู้โชคดีถูกรางวัลของบริษัทนมตรามะลิ เป็นทองคำหนัก 20 บาท แต่ต้องแจ้งที่อยู่ปัจจุบันมาให้ทราบ ไม่กี่วันคนร้ายได้เขียนจดหมายตอบมาว่า ตนเองไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนั้นแล้ว ตอนนี้มาทำงานอยู่ที่พระประแดง จ.สมุทรปราการ นอกจากนี้คนร้ายยังเขียนแผนที่ที่อยู่มาให้ด้วย และปล.ท้ายจดหมายว่า”ทุกวันนี้ผมยังดื่มนมตรามะลิอยู่เลยครับ” ซึ่งตนก็เดินทางไปจับกุมผู้ต้องหาอย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ ตำรวจกองปราบปราม ก็เคยใช้เทคนิคส่งจดหมายให้คนร้ายตามหมายจับคดีสำคัญมารับพัสดุ ที่ไปรษณีย์ และรอจับจับกุมมาดำเนินคดีได้อย่างสบาย
ด้าน พ.ต.ท.อุเทน นุ้ยพิน”สารวัตรนุ้ย” เจ้าของไอเดียใช้วิชาโจรจับโจร กล่าวว่า เทคนิคการจับกุมดังกล่าวมีสอนอยู่ในโรงเรียนนักสืบมานาน ซึ่งนักสืบรุ่นใหม่มองว่าโบราณ ไม่ทันสมัยเหมือนการ เช็คเบส โทรศัพท์ค้นหาพื้นที่ที่คนร้ายกบดาน แต่ตนใช้เทคนิคนี้ได้ผลมานักต่อนัก จับผู้ต้องหามาแล้วหลายราย
สารวัตรนุ้ย เปิดเผยกับทีมข่าวว่า การสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับเป็นภารกิจหลักอย่างหนึ่งของ “กองสืบ” อยู่แล้ว ในช่วงเทศกาลแต่ละเทศกาล แต่ละหน่วยงานก็มีภารกิจที่ต้องระดมกันทำไป ทางผู้บัญชาการก็ได้เรียกประชุม และกำชับกองสืบแต่ละกองให้เร่งรัดการจับกุมคดีค้างเก่า เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่เพิ่งจะยกระดับฐานะขึ้นมาเป็นกองบังคับการ โดยให้พยายามหาวิธีกลยุทธต่างๆที่พอจะมีอยู่ เอาออกมาใช้ให้หมดไม่ว่าจะเป็นของเก่าของใหม่
สำหรับกองสืบของ “สารวัตรนุ้ย” มีหมายจับคนร้ายในแต่ละจังหวัดที่อยู่เยอะมาก สารวัตรก็เลยเอาออกมาวิเคราะห์ทีละหมาย ถ้าเป็น “หมายตาย” คือผู้ต้องหาตามหมายจับนั้นตายไปแล้ว ก็ถอนหมายออกไป ส่วนที่ยังอยู่ก็สืบสวนจับกุมต่อไป โดยอย่างแรกที่ต้องทำเลยคือ ตัวคนร้ายยังใช้ชีวิตอยู่เหมือนปกติหรือไม่ มีการทำบัตรประชาชน หรือทำใบขับขี่หรือไม่ บางคนไม่ไปทำบัตรประชาชน แต่ไปทำใบขับขี่แทน หรือแม้กระทั่งไปทำพาสปอร์ต เพราะสองสิ่งนี้ใช้แทนบัตรประชาชนได้ ถ้ามีการเคลื่อนไหวเหล่านี้ ก็ต้องทำการสืบสวนจับกุม
ปัจจุบันได้เน้นตามจับกุมจากการตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือ หรือระบบการเงิน แต่สำหรับคนร้ายบางประเภทใช้วิธีนี้ไม่ได้ คนร้ายบางคนไม่ได้มีมือถือจดทะเบียน หรือมีเงินทองอะไรมากมาย และคนร้ายแต่ละคนมักจะไม่พักอาศัยอยู่ตามภูมิลำเนา บ้านอยู่จังหวัดหนึ่ง ตัวอาจจะอยู่อีกจังหวัดหนึ่งก็ได้ การที่จะเอากำลังตำรวจวิ่งไปตามจับนั้น มันก็เป็นภาระเปลืองงบประมาณกับบางคดีที่คนอื่นอาจมองว่าเป็นคดีเล็กๆ เช่นลักทรัพย์ พรากผู้เยาว์ ฯลฯ แต่สำหรับกองสืบของเราไม่ได้มองคดีเหล่านี้เป็นคดีเล็ก เพราะหากทุกคนคิดว่าเป็นคดีเล็ก อาชญกรก็เต็มบ้านเมืองแน่นอน ก็เลยต้องหาวิธีตามจับพวกคนร้ายประเภทนี้ ซึ่งมีกลยุทธอยู่หลายวิธีด้วยกัน
หนึ่งในนั้นคือ การส่งจดหมายหลอกให้มารับของขวัญ ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะได้รับรู้วิธีนี้มาจากการอบรมหลักสูตรสืบสวนของ FBI และในตอนนี้สหรัฐอเมริกาก็ใช้วิธีนี้กันอยู่ แต่ปัจจุบันนักสืบเราอาจจะลืมไปแล้ว และไปเน้นกับการสืบสวนสมัยใหม่ อื่นๆ นักสืบ
ความเห็นล่าสุด